หุบป่าตาด เป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่ได้รับความนิยมในอุทัยธานี เนื่องจากมีความสำคัญในการเป็นที่ค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลก มีสัตว์และพืชที่ไม่เคยเห็นในป่าอื่นๆ บนโลก หุบป่าตาดจึงเป็นที่สำคัญในการศึกษาและวิจัยสิ่งมีชีวิตในป่า นอกจากนี้ยังเป็นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยมีธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบไม่ควรพลาด
หุบป่าตาด
เอ่ยชื่อออกมาอาจไม่น่าสนใจ
แต่หากเสริมต่อไปว่า เป็นป่าโบราณดึกดำบรรพ์ สมัยจูราสสิคโน่น…. น่าสนใจขึ้นเยอะเชียว
หุบป่าตาดเป็นป่าในหุบลึกกลางภูเขา บริเวณเขาห้วยโศก อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี กินพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ เศษ ความพิเศษของป่าเล็ก ๆ ผืนนี้ อยู่ตรงที่สันนิษฐานกันว่าเคยเป็นถ้ำมาก่อน หากส่วนที่เป็นหลังคาได้ยุบตัวลง กลายเป็นหุบ หรือบ่อกลางภูเขา มีทางเข้าออกเพียงช่องทางเดียว ทำให้พื้นที่มีระบบนิเวศน์ค่อนข้างปิด มีความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี ทำให้มีพืชบางชนิดเท่านั้นเติบโตได้ดี….และพืชชนิดนั้นคือต้นตาด อันเป็นที่มาของชื่อสถานที่นั่นเอง
ตาด… ปาล์มดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง
ตาดเป็นไม้ประเภทปาล์มดึกดำบรรพ์ ลำต้นสูง มีหนามติดอยู่ตามข้างก้านใบ มักขึ้นตามป่าดงดิบที่มีอากาศชื้นและหนาวเย็น พบมากบนดอยสูง แถวดอยภูคาจังหวัดน่าน จึงน่าแปลกที่พบขึ้นกลางหุบเขาในจังหวัดอุทัยธานี แต่อย่างที่กล่าวข้างต้น ปัจจัยแวดล้อมที่แปลกพิเศษ มีเพียงแดดส่องลอดถึงเพียงรำไร และอากาศที่ชื้น ทำให้ต้นตาดเติบโตได้ดี และยิ่งเติบใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ ใบที่แผ่กว้างของต้นตาดยิ่งทำให้แสงส่องลอดลงมาได้น้อยลงไปอีก ทำให้พืชชนิดอื่น ๆ ที่ต้องการแสงแดดในการเติบโตไม่สามารถขึ้นได้ ปล่อยให้ต้นตาดยึดครองพื้นที่เกือบหมด โดยมีพืชไม่กี่ชนิดที่เติบโตได้ในแวดล้อมที่ใกล้เคียงกันได้แก่ ต้นเต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก กระพง ยมหิน และไทร ขึ้นให้เห็นประปราย
หุบป่าตาดถูกค้นพบโดยบังเอิญ โดย พระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง ที่มีเหตุให้ปีนลงไปในหุบเขานี้โดยบังเอิญ จึงพบผืนป่าแปลกที่เต็มไปด้วยต้นตาดนี้ จึงได้เจาะปากถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าไปสำรวจได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำประทุน และมีการจัดทำเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 700 เมตร
บางครั้ง บางครา ที่เราไปเที่ยวสวนสนุกชื่อดัง มักพบว่ามีการจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้ล่องเรือผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่จำลองเป็นป่าโบราณ โดยจัดวางภาพ แสง เสียง สร้างบรรยากาศให้นักท่องเที่ยวรู้สึกตื่นตา ตื่นใจ
หากที่นี่ เป็นป่าโบราณที่แท้จริงที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นจากปัจจัยแวดล้อมพิเศษ โดยไม่ต้องผ่านมือมนุษย์จำลองแต่อย่างไร การเข้าไปยังป่าแห่งนี้ต้องเดินขึ้นบันไดเข้าไปในถ้ำที่อยู่สูงขึ้นไปราว 30 เมตร ผ่านเข้าไปในอุโมงค์ถ้ำที่มืดสนิทต้องใช้ไฟฉายส่องนำทาง ซึ่งหากส่องไฟไปตามผนังถ้ำจะเห็นค้างคาวมากมายเกาะห้อยหัวอยู่ ซึ่งไม่ต้องกังวลเพราะระยะทางที่ผ่านถ้ำใหญ่มืดสนิทนั้น เป็นพียงระยะทางสั้น ๆ ชั่วอึดใจเท่านั้น ก็จะถึงบริเวณปากถ้ำ ที่เป็นปล่องขนาดใหญ่ ถึง ณ ตรงนั้น มองออกไปด้านนอก จะเห็นป่าตาดขนาดใหญ่แผ่ให้ร่มเงา งดงาม แปลกตา เหมือนหลุดเข้าไปยังโลกอีกใบ ที่แวดล้อมต่างจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง
ต้องชื่นชมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำประถุน ที่จัดเส้นทางเดินชมและศึกษาธรรมชาติรอบหุบป่าตาดได้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมไม่ขัดตา เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่เพลิดเพลิน ได้เห็นต้นตาดขึ้นปกคลุมหนาแน่นในวงล้อมของผาหิน ที่เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย รูปร่างแปลกตา
แม้ภายในป่าจะมีต้นตาดเป็นไม้หลัก แต่ไม้เล็กๆ แปลกตา และเห็ดสวย ๆ ในป่าที่เย็นชื้นแห่งนี้ก็มีให้เห็นตลอดทางเช่นกัน เป็นสีสันเล็ก ๆ ที่แต่งแต้มรายละเอียดให้กับผืนป่าแห่งนี้
กิ้งกือมังกรสีชมพู สุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับ 3 ของโลก
นอกจากเห็ดสีสวย ๆ ที่เป็นสีสันแล้ว ระหว่างทาง ช่างสังเกตุสักหน่อยมีโอกาสที่จะได้พบสัตว์พิเศษนั่นคือ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” (Shocking Pink Millipede)
เจ้ากิ้งกือสีชมพูที่ว่านั้น เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลกค้นพบในปี 2550 และพบในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งหลังจากประกาศการค้นพบอย่างเป็นทางการ ในปั 2551 สถาบันไอไอเอสอี (International Institute for Species Exploration: IISE) มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา (Arizona State University) ได้ประกาศให้การค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพูดังกล่าวเป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับที่ 3 ของโลก รองจากการค้นพบปลากระเบนไฟฟ้าในแอฟริกาและการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดอายุ 75 ล้านปี ในสหรัฐฯ ที่ได้อันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
หุบป่าตาด ป่าดึกดำบรรพ์ชวนพิศวงนี้ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในสถานที่ อันซีนไทยแลนด์ปี 2547 เดินทางเข้าถึงได้สะดวกด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 333 ผ่านอำเภอหนองฉาง ต่อด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 3438 ไปยังอำเภอลานสัก ประมาณ 21.5 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็ถึงหุบป่าตาด… ป่าอันซีนที่ครั้งหนึ่งควรได้เข้าไปเที่ยวชม
(เครดิตรูปภาพ kirspm3)