มนุษย์เรามีความต้องการใช้ไฟฟ้าแบบไร้สายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ให้แหล่งพลังงานสะอาดได้แบบไม่จำกัดจากแสงอาทิตย์ โชคดีมากที่อุปกรณ์ใช้พลังไฟฟ้า Solar Cell ในวันนี้มีราคาถูกลงมาก ตั้งแต่จีนเข้ามาผลิตแผงโซล่า รวมไปถึงอุปกรณ์ไฟ Solar Cell ให้ใช้งานหลายอย่าง แผงเซลเก็บไฟจากแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ หลักร้อยบาทก็มี
แต่อุปสรรค์ใหญ่ที่สุดคือ “แบตเตอรี่” ในโลกนี้มีแบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำได้ (Rechargable Battery) ในราคาถูกยังไม่ค่อยมี แบตคุณภาพต่ำที่แถมมากับจีนก็มักจะเป็นต้นทุนเกือบครึ่งของราคาสินค้า Solar Cell แล้ว หากผลิตภัณฑ์ Solar Cell ทุน 50 บาท ในนั้น 25 บาทต้องกลายเป็นค่าแบตไป
แบตเตอรี่ ปัญหาระดับโลก
แบตเตอรี่ ไม่เพียงเป็นปัญหาของ Solar Cell ยังเป็นปัญหาของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทั่วโลก เช่น มือถือ ที่เทคโนโลยี CPU พัฒนาไวเป็นกราฟ exponential ตามกฏของ Moore’s Law ที่จะเร็วเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 2 ปี (ราคาทุนก็ถูกลงด้วย) แม้ทุกคนจะพยายามพัฒนาบนฐานการประหยัดพลังงาน แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกันโดยที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ไม่เคยพัฒนาตามได้เลย
แล้วแบตมือถือที่เราใช้ทุกวันนี้ล่ะ?
จากแบตเตอรี่ชาร์จซ้ำได้ในยุคแรก Ni-Cd (นิกเกิลแคดเมียม) แบตเตอรี่ที่ส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้ใช้แล้ว แต่ยังมีอีกไม่น้อยที่ติดมากับผลิตภัณฑ์ราคาถูกจากโรงงานในจีน เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ Cd (แคดเมียม) จะกลายเป็นพิษอันตราย เกิดปัญหาเมื่อจะกำจัดเซลล์ที่เสื่อมแล้วต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ถ่านประเภทนี้เมื่อหมดแล้วจำเป็นจะต้องทิ้งในถังขยะสำหรับทิ้งถ่านโดยเฉพาะ (เป็นขยะสารพิษ) มีจุดทิ้งหลายที่ในกรุงเทพเช่นที่ IKEA บางนา (อยู่ใกล้ทางขึ้นจากลานจอดรถ ลองสอบถามพนักงาน)
ถ้าที่บ้านมีถ่านเขียนว่า Ni-Cd อยู่ ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ต่อมาแพงขึ้นหน่อยเป็น Ni-Mh (นิเกิ้ลเมทัลไฮดราย) แบตเตอรี่ชาร์จซ้ำได้เทคโนโลยีเดียวกันกับ Rechargable Battery ที่ขายตามท้องตลาด เช่น ยี่ห้อ Panasonic Eneloop (เมื่อก่อน Eneloop เป็นของ Sanyo แต่ภายหลังถูก Panasonic ซื้อกิจการหลังจากนั้น Panasonic ใช้แบรนด์ Eneloop ในการทำตลาดทั่วโลกต่อ) แบตเตอรี่แบบ Ni-Mh มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับ Li-Ion แต่มีปัญหาคือ Memory-Effect ระดับการประจุไฟฟ้าจะถดถอยลงเมื่อไม่ได้รับการใช้ไฟฟ้าให้หมดก่อนชาร์จซ้ำเช่นเดียวกับ Ni-Cd ทำให้ไม่สะดวกที่ต้องใช้ไฟให้หมดก่อนชาร์จ (Discharge) แต่ในแบตรุ่นปัจจุบันหลายยี่ห้อรวมถึง Panasonic โฆษณาว่า No Memory-Effect แล้ว ซึ่งอาจต้องพิสูจน์กันต่อไป
ถ้าหากซื้อถ่านจากแหล่งที่ไม่น่าไว้ใจ เชื่อฉลากไม่ได้ จะมีสิ่งที่สังเกตได้คือ Ni-Mh จะมีน้ำหนักมากกว่าชนิด Ni-Cd
และ Rechargeable Battery ที่ดีที่สุดในตลาดโลกตอนนี้ คือ Li-Ion (ลิเธียมไอออน) แบตประเภทเดียวกันกับที่ใช้ในมือถือส่วนใหญ่ของโลกวันนี้ สามารถชาร์จซ้ำได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าให้หมดโดยไม่มี Memory-Effect จัดเป็นแบตที่ดีที่สุดในวันนี้ ข้อเสียคือ มีราคาแพง และความต่างศักดิ์เริ่มต้นของเซลไฟฟ้า ประเภทนี้เริ่มที่ 3.6 V จึงไม่นิยมนำมาผลิตเป็นถ่านไฟฉาย ซึ่งใช้ไฟ 1.5 V
แต่ก็อย่างว่า ถึงจะเป็น Li-Ion เรายังต้องชาร์จ iPhone กันวันละ 2 รอบ
หากโลกนี้ไม่จำเป็นต้องเสียบปลั้ก
โลกจะเปลี่ยนไปเลยเมื่อมีแบตเตอรี่ที่จุพลังงานได้สูงขึ้น สว่านไร้สายที่มีพลังมากพอในการเจาะกระแทกปูน เครื่องดูดฝุ่นไร้สายหรือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีกำลังดูดเหมือนเสียบปลั้ก จักรยานไฟฟ้าที่ใช้เดินทางได้ไกลมากกว่าเดิม โดรนที่ทุกวันนี้บินได้สูงสุดแค่ 30 นาทีต่อแบตหนึ่งก้อน หรืออุปกรณ์การแพทย์ยื้อชีวิตที่อยู่บนรถพยาบาล (ยังดีที่รถพยาบาลมีไดนาโมสามารถปั่นไฟสะสมให้แบตเตอรี่ได้) โลกจะเปลี่ยนไปเลยหากมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กและให้พลังงานมากพอ อาจผลิตอวัยวะเทียมให้คนพิการใช้ชีวิตได้ตามปกติด้วยแขนกลและขากล
คลิปด้านล่างแสดงเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากบริษัท Boston Dynamic ว่าเจริญรุดหน้าไปไกลแล้ว สิ่งที่ยังไปไม่ถึงก็เพียงแบตเตอรี่เท่านั้น
คงจะมีขนาดเล็กลงและบินได้ไกลมากขึ้น
Future of Battery
สำหรับเทคโนโลยีการเก็บไฟฟ้านี้ ถ้าหากใครสามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ได้ ย่อมมีโอกาสรวยยิ่งกว่ามีบ่อน้ำมัน ตอนนี้คนที่ลงทุนในการสร้างเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ดูจะจริงจังที่สุดก็คือ Elon Musk คนเดิมที่ผลิตรถไฟฟ้าที่วิ่งเร็วกว่าเฟอร์รารี่อย่าง Tesla Motors สำเร็จ ตอนนี้ร่วมทุนกับ Panasonic เรียบร้อยแล้ว กำลังสร้างโปรเจคโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่มีกำลังการผลิตมากกว่าทั้งโลกรวมกันในชื่อโปรเจคว่า Gigafactory
น่าเชื่อถือว่าจะทำเป็นจริงได้เพราะนาย Elon Musk นี่ทำเมกะโปรเจคระดับโลกสำเร็จมาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบจ่ายเงินออนไลน์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอย่าง PayPal (ขายต่อให้ Ebay ไปแล้ว), รถไฟฟ้า 100% ในความเร็ว super car พร้อมระบบขับรถอัตโนมัติไม่ต้องจับพวงมาลัย Tesla Motors (ทำได้แล้ว), ระบบขนส่งมวลชนและสินค้าไปอวกาศ แต่สามารถนำจรวดกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วยการย้อนลงมาจอดบนพื้นโลก SpaceX (ทำได้แล้ว), ระบบขนส่งผู้คนข้ามรัฐด้วยความเร็วสูง 1,200 กม./ชม ภาคพื้นดินอย่าง Hyperloop (ไอเดียฟรียินดีให้คนไปทำต่อ), SolarCity แผนร่วมมือกับรัฐบาลสร้างหลังคาบ้าน 5 ล้านหลังคาเรือนในราคาถูก (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
ด้วยเครดิตดีอย่างกับ Iron Man แบบนี้ ดูเหมือนว่าเราพอจะคาดหวังกับธุรกิจใหม่ของนาย Musk ว่าจะช่วยให้โลกนี้ได้ค้นพบเทคโนโลยีที่จะทำให้เราไม่ต้องชาร์จแบต iPhone วันละ 2 รอบเฉกเช่นทุกวันนี้
แต่วันนี้คงต้องแค่นี้ก่อน แบตหมดพอดี
– สวัสดีครับ