ไอเดีย และงานดีไซน์น้ันไม่ได้เฉพาะคนเมืองเท่านั้น หากแต่ถ้าเกิดเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง ก็สามารถพลิกแพลงเป็นสิ่งที่ตลาดตัวเองต้องการ สร้างความแตกต่างเป็น Blue Ocean ของตัวเองได้ ดูอย่างเกษตรกรชาวจีนหัวใส มองเห็นความต้องการตลาดในแง่สินค้ามงคล พลิกแผนปลูกลูกแพร์ลงในบล็อกพลาสติกขึ้นเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระพุทธรูป และรูปร่างมงคล ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากความแตกต่างทางไอเดีย ลองไปดูกันว่าเขาทำอย่างไรกับลูกแพร์มงคลนี้ เขาเริ่มห่อด้วยทรงขึ้นรูปกันตั้งแต่มันยังเล็ก พอมันโตขึ้นมาเรื่อยก็กลายเป็นรูปร่างที่ต้องการ ความจริงการบิดพืชพันธุ์ตามรูปร่างนี่ก็มีมานานมากแล้ว หากแต่ยังไม่เข้าใจใน “กล่องดำ” ของหัวใจผู้ซื้อปลายทางได้เท่าผลงานชุดนี้ คนจีนส่วนใหญ่ นิยมสินค้ามงคลอยู่แล้ว อย่าว่าแต่คนจีนเลย คนไทยเองก็ชอบ คิดดูเล่นๆ ถ้าหากลูกแพร์นี้บินมาถึงที่ไทยและไม่มีเฉลยปลูกยังไง เผลอๆจะมีคนจุดธุปขอหวยขอเลขเด็ดด้วยซ้ำไป ใช่ไหมครับ? แต่ไอเดียการจับตลาดคนจีนนั้นเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอด เพราะการขายสินค้าที่แลดูมีความเป็นมงคลนั้น ขายได้กับคนจีนทุกเชื้อสาย ทั่วโลกนั้นขายได้ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ต้องไปโกหกด้วยซ้ำไปว่า มงคลจริงรึเปล่า แค่เห็นรูปร่างก็น่าซื้อน่าขายแล้ว…
http://www.youtube.com/watch?v=KprTRvYmlEE
แต่ไอเดียต่างๆนั้น ก็สามารถเกิดใหม่ได้ตลอด หากว่าเราเข้าใจ ลองย้อนมองกลับมา แล้วพวกเราล่ะครับ เข้าใจ “กล่องดำ” ของกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการของเราเองรึยังครับ ลองมองหาดูดีๆ อาจจะเกิดไอเดียก็เป็นได้ “เปาโล ปิกัสโซ่” ศิลปินเอกของโลก ได้กล่าวไว้ว่า “Good artist copy, Great artist steal” หรือ “ศิลปินที่ดีแค่ก็อปปี้คนอื่นได้ แต่ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ขโมยงานของคนอื่นได้” ขโมยในที่นี้หมายถึงการเข้าถึง “กล่องดำ” ของสิ่งนั้นให้ได้ ไม่ใช่แค่ก็อปปี้รูปทรง หรือก๊อปปี้ไอเดียตามๆกัน ยกตัวอย่างเช่น ตอน iPhone ออกมา หลายยี่ห้อพอเห็นว่า iPhone ขายดีก็ทำมือถือไม่มีปุ่มออกมาตามกันหมด เรียบๆ เพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ iPhone ขายดี แบบนี้เรียกว่า “COPY” แต่ไม่ได้มองว่า ที่เขาขายดี เพราะ Innovation, เพราะวัฒนธรรม App ที่มีเยอะและคุณภาพ, เพราะความรู้สึกมีฐานะและดูฉลาดเมื่อถือใช้งาน สิ่งเหล่านี้ ถ้าหาก “STEAL” ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีปุ่มน้อยเหมือน iPhone ก็ได้ จริงไหมครับ? :)