หมุดหมายลำดับแรกของทุกคนเมื่อมีโอกาสมาเยือนเมืองซีอานย่อมหนีไม่พ้น “สุสานกองทัพทหารดินเผาจักรพรรดิจิ๋นซี” สถานที่หลายคนแอบให้นิยามอย่างไม่เป็นทางการว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 แต่ก่อนที่จะไปเยือนสถานที่ดังกล่าวควรที่จะทำความรู้จักกับจักรพรรดิจิ๋นซีเจ้าของสุสานดังกล่าวเสียก่อน
จักรพรรดิจิ๋นซี ทรราช หรือมหาราช
จักรพรรดิจิ๋นซี หรือฉินสือหวงเป็นจักรพรรดิที่ชีวประวัติและผลงานก่ำกึ่งอยู่ระหว่างความเป็นมหาราชที่ผู้คนยกย่อง และทรราชที่ผู้คนสาบส่ง
พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุเพียง 13 พรรษา ในยุคสมัยที่จีนเต็มไปด้วยรัฐใหญ่น้อยที่เจ้าผู้ปกครองแต่ละรัฐ ต่างทำสงครามแย่งชิงกันเป็นใหญ่ ซึ่ง ณ เวลานั้น รัฐที่ใหญ่และเรืองอำนาจที่สุด มีด้วยกัน 7 รัฐ ประกอบด้วย รัฐหาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี และฉิน
จักรพรรดิจิ๋นซีขึ้นปกครองรัฐฉิน พัฒนารัฐที่ล้าหลังจนเจริญรุ่งเรือง และผนวกรวม 6 รัฐใหญ่ ณ เวลานั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้ระยะเวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น ก่อนสถาปนาตนเองเป็นองค์ปฐมจักรพรรดิกษัตริย์แห่งราชวางศ์ฉิน
ในช่วงรัชสมัยของพระองค์ ได้มีการริเริ่มทำหลายสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการหล่อหลอมและพัฒนาประเทศจีนให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้ใช้ตัวอักษรจีนแบบเดียวกันทั่วประเทศ ทำให้แม้จะมีการใช้ภาษาถิ่นแตกต่างกันหลายภาษาและออกเสียงไม่เหมือนกัน แต่ชาวจีนทุกคนสามารถสื่อสารเข้าใจกันได้เพราะใช้ภาษาเขียนเดียวกัน มีการกำหนดใช้กฏหมาย เงินตรา มาตรา ชั่ง ตวงวัดแบบเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งช่วยให้ประเทศจีนสามารถรวมตัวกันได้อย่างเป็นปึกแผ่นและยังสั่งการให้เชื่อมกำแพงเมืองของแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่เคยเป็นเอกเทศเข้าด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุกรานของชนเผ่าอื่น กระทั่งกลายเป็นกำแพงเมืองจีนที่ยาวเหยียด และเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ทว่าแม้นจะสร้างความรุ่งเรืองและความเป็นปึกแผ่นให้กับประเทศชาติ แต่ในอีกด้านหนึ่ง การสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น วัง กำแพง สุสาน รวมถึงการเรียกเก็บภาษีที่แพงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกย่อมหญ้า นั่นทำให้เมื่อสิ้นพระชนม์ ราชวงศ์ฉินจึงได้ปกครองประเทศต่อไปอีกเพียง 15 ปี เท่านั้น ก่อนจะเกิดกบฏจนโค่นล้มราชวงศ์ได้สำเร็จในที่สุด
และในบรรดาสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในสมัยของจักรพรรดิจิ๋นซี ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นจนถึงยุคปัจจุบัน สุสานทหารหินดินเผา ที่เมืองซีอานเป็นหนึ่งในนั้น
สุสานอันเป็นที่สถิตนิรันด์
จักรพรรดิจิ๋นซีได้ตระเตรียมเริ่มสร้างสุสานแห่งนี้ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์เมื่อชนมายุได้ 13 พรรษา เมื่อรวบรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว ได้เกณฑ์ไพร่พลจำนวนมหาศาล กว่า เจ็ดแสนคน สร้างต่อเนื่องยาวนาน กระทั่งสวรรคตเมื่อพระชนมายุได้ 50 พรรษาก็ยังคงดำเนินสร้างต่อไป รวมทั้งสิ้น 37 ปีที่เป็นเช่นนั้น เพราะชาวจีนสมัยก่อนเชื่อกันว่ามนุษย์นั้นมี 2 วิญญาณ วิญญาณแรกกำเนิดพร้อมกับทารก ขณะอีกวิญญาณหนึ่งเป็นวิญญาณที่สวรรค์ส่งมารวมกับวิญญาณแรก เมื่อเจ้าของร่างเสียชีวิตลง วิญญาณแรกจะสิ้นไปพร้อมกับร่างผู้ตาย ขณะอีกวิญญาณหนึ่งจะออกจากร่างกลับคืนสู่สวรรค์
เพื่อให้วิญญาณสุขสงบ เมื่อเสียชีวิตจึงต้องฝังร่างในสุสานให้ถูกต้องตามประเพณีและเหมาะสมกับสถานะของเจ้าของร่าง มิเช่นนั้น วิญญาณจะไม่มีความสุข กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน จักรพรรดิจีนทุกพระองค์จึงให้ความสำคัญกับการตระเตรียมสุสานของตนเองที่จะกลายเป็นที่ประทับไปชั่วนิรันดร์
สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีถูกค้นพบโดยบังเอิญ โดยกลุ่มชาวนาที่ขุดหาบ่อน้ำไว้ใช้สำหรับการเพาะปลูก พวกเขาขุดพบวัตถุดินเผาที่มีลักษณคล้ายเหยือกใส่น้ำ และเมื่อขุดลึกลงไปจึงพบกองทัพทหารดินเผาจำนวนหนึ่งนั่นทำให้ทางการจีนเข้ามาตรวจสอบ ขุดค้นเพิ่มเติมจนพบทหารรูปปั้นดินเผาจำนวนมาก รวมถึงอาวุธต่าง ๆ และขบวนรถม้าสำริด จนสรุปว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวนี้คือสุสานที่เก็บพระศพของจักรพรรดิจิ๋นซี และสิ่งที่ขุดพบเจอเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของสุสานที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
จากการสำรวจพื้นที่ของนักโบราณคดี ผสมกับการศึกษาบันทึกโบราณเชื่อว่าสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี มีขนาดใหญ่ประมาณ 66 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ที่สุดในบรรดาสุสานของจักรพรรดิจีน มีการสร้างพระราชวังจำลอง กำแพงล้อมรอบเพื่อป้องกัน และสร้างรูปปั้น เสมือนจริงของทุกสิ่ง ที่องค์จักรพรรดิต้องการนำติดตัวไปด้วยหลังความตาย
มาก ใหญ่ และเหมือนจริง ที่ต้องเห็นด้วยตาตนเอง
นับตั้งแต่การขุดค้นพ้นโดยบังเอิญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ทางการจีนได้ทำการขุดหลุมในพื้นที่สุสาน 3 หลุม เรียกว่า หลุมหมายเลข 1 2 และ 3
เมื่อเข้าไปในเขตของพื้นที่สุสาน จึงเจอะเจออาคารขนาดใหญ่ 3 หลังที่สร้างขึ้นเพื่อครอบพื้นที่หลุมที่ขุดค้นทั้งสามหลุม และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม โดยทำทางเดินไว้รอบหลุม
หลุมหมายเลข 1
หลุมหมายเลข 1 เป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่สุด วางแสดงกองทัพทหาร และม้าดินเผามากที่สุด
นักท่องเที่ยวชาวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาชมนั้นมีจำนวนมากทีเดียว บรรยากาศจึงค่อนข้างเบียดเสียด แต่ทางเดินที่ทำให้เดินได้รอบหลุมขนาดใหญ่ ทำให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะสลับหมุนเวียนกันยืนอยู่ด้านหน้าเป็นระยะตามทางเดิน
หุ่นทหาร และม้าดินเผาเบื้องหน้ามีขนาดเท่าของจริง ใบหน้า ทรงผม เครื่องแต่งกาย ไม่มีหุ่นตัวไหนเหมือนตัวไหน นั่นแสดงให้เห็นว่าเป็นงานปั้นที่ทำด้วยมือทีละชิ้น
ขณะเดินวนดูหุ่นทหารดินเผานั้น ทำให้นึกถึงนิยามที่มีคนให้ไว้ถึงผลงานที่ยิ่งใหญ่นี้
มาก
ใหญ่
และเหมือนจริง
มาก นั่นคือ มีจำนวนมากถึงราว 8000 ตัว
ใหญ่ นั่นคือ มีขนาดใหญ่เท่าของจริง
เหมือนจริง นั่นเป็นเพราะหุ่นทหารที่ขุดพบนั้น ทั้งเครื่องแต่งกาย อาวุธ รวมไปถึงพื้นที่จัดวางช่วยเติมเต็มจินตนาการภาพกองทัพทหารของจักรพรรดิจิ๋นซีที่ยิ่งใหญ่ ที่สามารถรบชนะผนวกรวมแว่นแคว้นอื่นได้ทั้งหมด จนรวมเป็นประเทศเดียวได้
ขณะที่เดินดูชม ยังคงเห็นร่องรอยการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่เสร็จสิ้น ยังคงมีการนำชิ้นส่วนที่พบเจอประกอบเป็นรูปหุ่นสมบูรณ์ต่อไป
หลุมหมายเลข 2
หลุมหมายเลข 2 มีขนาดเล็กกว่าหลุมที่ 1 แต่เป็นหลุมที่ช่วยให้เข้าใจการจัดวางรูปแบบกองทัพของจักรพรรดิจิ๋นซี นั่นคือ แถวแรกจะเป็นแถวของทหารธนูที่ด้านหน้าสุดทั้งที่อยู่ในท่าคุกเข่าและยืนเตรียมพร้อม จากนั้นจึงเป็นรถม้าพร้อมเหล่าทหาร และตามด้วยทหารราบที่ถืออาวุธครบมือ หลุมนี้แม้จะมีหุ่นทหารแสดงไม่มาก แต่มีการคัดหุ่นที่สมบูรณ์ใส่ตู้กระจกวางโชว์ให้เห็นในระยะใกล้ตรงทางเดินด้านข้าง
หลุมหมายเลข 3
หลุมหมายเลข 3 เป็นหลุมที่เล็กที่สุด พบหุ่นทหารทั้งหมด 68 ตัว ทั้งหมดเป็นหุ่นนายทัพ จึงคาดเดาว่าน่าจะเป็นส่วนบัญชาการของกองทัพ
การเดินชมหุ่นทหารดินเผา หากรู้ข้อมูลเบื้องต้นที่นักโบราณคดีทำการศึกษาและนำมาเผยแพร่ จะช่วยให้การเดินชมนั้นสนุกยิ่งขึ้น
หุ่นทหารดินเผาที่ขุดพบนั้นแบ่งเป็นระดับนายทหาร กับทหารทั่วไป
ระดับนายทหารแบ่งได้อีกเป็นสามระดับคือ นายทหารระดับสูง กลาง และต่ำ
แยกแยะได้จากชุดที่สวมใส่ ระดับนายทหารทั้งหมดจะสวมใส่ชุดเกราะ และใส่หมวกคลุมผม หมวกคลุมผมนี้เองที่จะช่วยให้แยกระดับของนายทหาร นายทหารระดับสูงจะสวมหมวกที่เรียกว่า bird cap ที่แยกเป็นปีกออกสองข้าง ขณะที่ระดับกลาง และล่างจะสวมหมวกแบบเดียวกัน เรียกว่า long cap หากหมวกที่ทรงสูงกว่าเป็นนายทหารระดับกลาง หมวกที่ต่ำกว่าเป็นนายทหารระดับล่าง
ระดับทหาร
จะสวมใส่หมวกคลุมผมแบบธรรมดา หรือมัดผมเป็นมวยไว้ด้านบน
แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
ทหารราบ ทหารธนู (อยู่ในท่ายืนเฉียง และนั่งคุกเข่า สังเกตุได้ง่าย)
ทหารม้า มีทั้งที่ทำหน้าที่ขับม้า และลากจูงม้า
อาคารนิทรรศการ
และใกล้ ๆ กับหลุมทั้งสาม เป็นอาคารนิทรรศการแสดงหุ่นม้าศึกและรถม้าทองแดงที่ขุดพบในสุสาน จำนวน 2 ชุด ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 8 ปี ในการฟื้นฟู นำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาปะติดปะต่อจนสมบูรณ์ และจัดแสดงได้ ซึ่งนับเป็น hilight ที่ไม่แพ้หุ่นทหารดินเผาเลยทีเดียว เพราะงานได้สัดส่วนเหมือนจริง ปราณีต และงดงามมาก
เชื่อกันว่าหลุมกองทัพทหารดินเผามีทั้งหมด 8 หลุม แต่ทางการจีนยังไม่มีการขุดหาเพิ่มเติม รวมไปถึงตัวสุสานที่แท้จริงที่เก็บพระศพขององค์จักรพรรดิจิ๋นซีเองด้วย เนื่องจากทางการจีนมีบทเรียนจากหุ่นทหารและม้าดินเผาที่เมื่อขุดออกมาแล้ว สีบนตัวหุ่นที่มีสีสันสวยงาม เมื่อโดนอากาศและแสงแดด เกิดปฏิกริยาทางเคมี ทำให้สีบนตัวหุ่นเปลี่ยนเป็นสีดำ
นั่นทำให้งานขุดค้นถูกชะลอไว้ จนกว่าจะมั่นใจได้ว่า มีเทคโนโลยีตัวช่วยที่เหมาะสม ช่วยรักษาสภาพวัตถุโบราณ ไม่ให้เกิดความเสียหาย เมื่อโดนอากาศและแสงแดด