ในที่สุดก็จะมีสายการบินที่บินตรงจากเมืองไทยไปยังจังหวัดโอกินาวา เสียที
คนไทยน่าจะคุ้นชื่อโอกินาวา จากการเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือของอมริกาตั้งแต่สมัยสงครามโลกจนถึงปัจจุบัน หากเมื่อมองแผนที่ประเทศญี่ปุ่นอาจจะงง ๆ อยู่บ้างว่าเจ้าจังหวัดโอกินาวาอยู่ตรงไหนกันแน่
เอาเป็นว่าหากมองจากแผนที่ จะเห็นประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะขนาดใหญ่จำนวน 4 เกาะเรียงเป็นเส้นโค้งจากเหนือลงมาใต้ และตรงเกาะใหญ่ที่อยู่ด้านล่างสุดนั้นเอง ให้ลดสายตาลงต่ำไปอีกนิด จะเห็นจุดเล็ก ๆ ที่แทบมองไม่เห็นเรียงต่อเป็นทางยาวอยู่กลางมหาสมุทรนั่นคือหมู่เกาะริวกิวที่อยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศของญี่ปุ่น จังหวัดโอกินาวาตั้งอยู่ ณ บริเวณนั้น ครอบคลุมอาณาพื้นที่เกาะเล็ก เกาะน้อยราว 160 เกาะ ทว่ามีเพียง 49 เกาะเท่านั้นที่มีคนอาศัยอยู่
จังหวัดโอกินาวาจึงดูเล็กจิ๋ว…. แต่สถานที่นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหมุดหมายปลายทางของใครต่อใครหลายใคร นั่นคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลชูราอิมิ ที่มีชื่อชั้นว่ามีแทงค์น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลชูราอูมิตั้งอยู่ที่ตำบลโมโตบุ (Motobu Town) ทางตอนเหนือของจังหวัดโอกินาวา พื้นที่รอบ ๆ ของตัวพิพิธภัณฑ์นั้นเปิดโล่งกว้าง จัดสรรพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมพื้นที่ด้านนอกเที่เชื่อมต่อไปถึงชายหาดและทะเลด้านนอกได้ คล้ายจะบอกเป็นนัย ๆ ว่า โลกของท้องทะเลนั้นลึกลับ ยากต่อการลงไปพบเจอก็จริง แต่ทางพิพิธภัณฑ์ได้นำมาจัดแสดงให้เห็นกันชัด ๆ ภายในอาคาร
พิพิธภัณฑ์ชูราอูมิมีพื้นที่ 4 ชั้น แบ่งการจัดแสดงภายในเป็น 3 โซน
โซนที่ 1 : Jouney to a Coral Reef
โซนแรก เริ่มต้นด้วยการเดินทางสู่โลกของแนวปะการัง บริเวณชายฝั่งน้ำตื้น ด้วยดาวทะเล ปลิงทะเลชนิดต่าง ๆ ในบ่อเปิด ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้แตะสัมผัสสัตว์ทะเลเหล่านี้อย่างใกล้ชิด จากนั้น จึงเข้าสู่โลกของปะการังอย่างแท้จริงในแทงค์น้ำที่เปิดรับแสงอาทิตย์จากด้านนอก พบเจอสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ ทีอาศัยตามแนวปะการังที่มีสีสันสวยงาม และรูปร่างแปลกตา
โซนที่ 2 Journey to the “Kuroshio Sea”
โซนที่ 2 เป็นการเดินทางเข้าสู่ทะเลคุโรชิโอะ (Kuroshio Sea) แทงค์น้ำที่ใหญที่สุดในพิพิธภัณฑ์ และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นโซนที่ไฮไลท์ของที่นี่ที่ตื่นตาตื่นใจที่สุด ภายในแทงค์บรรจุยักษ์ใหญ่ของทะเลอย่างฉลามวาฬ (Whale Shark)และกระเบนราหู (Manta Ray)ที่เป็นกระเบนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนับเป็นอควอเรี่ยมแห่งแรกที่ประสบความสำเร็จในการนำฉลามวาฬ และกระเบนราหูมาแสดง
แทงก์ขนาดใหญ่นี้ยังมีปลาชนิดอื่นอีกหลายชนิด เช่น ฉลามม้าลาย (Zebra Shark) ฉลามพยาบาล ( Tawny nurse Shark) และปลากระเบนชนิด อื่น ๆ เช่นCownose Ray Spotted Eagle Ray และ Coach whip
ที่รู้สึกชอบเป็นพิเศษไม่ยักใช่ฉลามวาฬ กลับเป็นบรรดาปลากระเบนที่มี รูปร่างใหญ่แบนเวลาแหวกวายผ่านมาให้เห็นใกล้ ๆ ชวนให้นึกถึงจานบินทุกคราวไปแล้วตาโต ๆ ที่กระพริบปริบ ๆ ให้เห็นใกล้ ๆ ชวนให้รู้สึกเอ็นดู
และราวรู้ว่าใครมาถึงตรงนี้เป็นต้องต้องมนต์อย่างแน่นอน จึงมีการสร้างอัฒจรรย์ที่นั่งเหนือขึ้นไป เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวนั่งชมโลกอัศจรรย์ใต้ท้องทะเลได้อย่างเนิ่นนานตามที่ต้องการ
ทว่าการชมยักษ์ใหญ่เหล่านั้นยังไม่สมบูรณ์ ใกล้กับบริเวณนั้นจะมีลิฟต์พาขึ้นไปชั้น 3 เพื่อไปชม behind the scene หรือ เบื้องหลังของแทงก์ปลา Kuroshio Sea ขนาดใหญ่ เป็นการตั้งชื่อที่เรียกความสนใจได้ดีเชียวล่ะ การได้ยืนอยู่เบื้องหน้าแทงก์ Kusoshio Sea นั้นนับว่าตื่นเต้นแล้ว การได้ขึ้นไปข้างบนแล้วมองเจ้าปลาใหญ่เหล่านั้นย้อนกลับลงมาจากด้านบน ให้ความรู้สึกที่เจ๋งมากได้ไม่แพ้กัน
บรรดาฉลามวาฬ ฉลามอื่น ๆ และกระเบนทั้งหลาย ดูตัวใหญ่กว่ามองผ่านกระจกอะคริลิกมากนัก ถ้าแทงก์ปลา Kuroshio Sea เป็นจุดดึงดูดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ behind the scene นับเป็นฉากแถมที่พลาดไม่ได้จริง ๆ
โซนที่ 3 :Jurney into the Deep Sea
ย้อนกลับลงมาที่ชั้น 1 อีกครั้ง คราวนี้เข้าสู่โซนที่ 3 อันเป็นโซนสุดท้าย ที่จะนำนักท่องเที่ยวดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลลึก ได้เห็นสัตว์ทะเลแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น เช่น Salamander shark ที่มีตาสีเขียวขนาดใหญ่เพราะต้องปรับให้เข้ากับความมืดใต้ท้องทะเลลึก Japanese Spider Crab ที่รูปร่างละม้ายคล้ายแมงมุมตามชื่อ และยังมีชื่อชั้นเป็นปูที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ในที่สุดหลังจากดำดิ่งสู่ใต้ท้องทะเลลึกจนสุดแล้ว ก็โผล่พรวดเหนือผิวน้ำอีกครั้งตรงบริเวณทางออกพอดิบพอดี….. นับเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลที่จัดวางผังได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจจริง ๆ เริ่มจากนำผู้มาเยือนค่อย ๆ สำรวจโลกใต้ทะเล จากที่ตื้นสู่ท้องทะเลลึก ที่ละนิด ทีละนิด จนถึงบริวเณลึกสุด ก็ดึงพาย้อนกลับสู่โลกภายนอกอีกครั้ง
เครดิตภาพ : krispm3