ไฮเซ่นส์ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก มุ่งเน้นเทคโนโลยี นวัตกรรมก้าวล้ำ และคุณภาพยอดเยี่ยมในทุกผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำความทันสมัยและเข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ เผยโฉมผลิตภัณฑ์ล่าสุดหลายรายการในงานแสดงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก IFA 2018 ที่ผ่านมา ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
มร. สี่เฟิง จาง (Mr. Zhang Xifeng) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเซ่นส์เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแนวคิดใหม่ ที่เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและนวัตกรรมที่โดดเด่นซึ่งรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และอีกมากมาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ของไฮเซ่นส์ได้รับการยอมรับในตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเข้าร่วมงานแสดงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก IFA 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมอย่างล้นหลาม
“ในงาน IFA 2018 ไฮเซ่นส์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยที่ช่วยทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ครองใจผู้บริโภคในแทบทุกเซกเม้นต์ โดยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในกลุ่มตู้เย็น ได้แก่ รุ่น RQ689 เป็นแบบมัลติ-ดอร์ (Multi-Door) รูปลักษณ์สวยหรูทั้งภายในและภายนอก มีพื้นที่ทำความเย็นแยกออกจากกันชัดเจน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการทำความเย็นแบบสามทาง (Triple-Tech Cooling) มีพื้นที่สามจุดในการทำความเย็นและแช่แข็ง ประกอบไปด้วยช่องบรรจุของ My Fresh Choice, ลิ้นชักพิเศษพร้อมระบบควบคุมการไหลเวียนของอากาศแยกส่วน และระบบควบคุมอุณหภูมิอิเล็กทรอนิกส์ มีอุณหภูมิให้เลือกตั้งแต่ -20 ถึง 5 องศาเซลเซียส สามารถรักษาความสดของอาหารที่เก็บไว้ได้นาน ด้วยเทคโนโลยี Nano Fresh ที่ออกแบบใหม่โดยไฮเซ่นส์ และ รุ่น RS694 สามารถทำน้ำแข็งและบดน้ำแข็งได้ เหมาะสำหรับการทำเครื่องดื่มหรือค็อกเทลนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีช่องบาร์ที่สามารถเปิดได้จากด้านนอกด้วยฝาปิดเปิดแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Dual-Tech ทำให้มั่นใจได้ว่าสิ่งของต่างๆ ภายในตู้ที่มีความแตกต่างกันจะได้รับความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม
ส่วนกลุ่ม ผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าและอบผ้ารุ่นใหม่ ไฮเซ่นส์ประเดิมด้วยรุ่นเรือธง รุ่น WDBL1014V ที่มีขนาดกะทัดรัด ทำงานรวดเร็ว และรองรับปริมาณการซักจำนวนมากถึง 10 กิโลกรัม ไม่กินพื้นที่ในการติดตั้ง มีฟังก์ชั่นที่สามารถหยุดแล้วเติมสิ่งที่ต้องการจะซักเพิ่มได้ระหว่างที่เครื่องทำงานไปแล้ว นอกจากนี้ ด้วยพลังซัก “Power Jet Wash” ที่พัฒนาโดยไฮเซ่นส์ ยังทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้นถึงเนื้อผ้าและละลายสิ่งสกปรก และเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเติมผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้าในปริมาณที่เหมาะสม เครื่องซักผ้าของไฮเซ่นส์ยังได้ติดตั้งระบบ “Auto Dosing” ที่คำนวณปริมาณการใช้ในแต่ละครั้ง เมื่อช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มและช่องใส่ผงซักฟอกถูกเติมไว้เต็มแล้ว จะสามารถใช้ทำความสะอาดได้สูงสุดถึงยี่สิบครั้ง
มร. สี่เฟิง ยังกล่าวต่ออีกว่า ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี ยังคงเน้นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ของปีอย่าง ULED TV U9D ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมแสงพื้นหลังอย่างชาญฉลาด ด้วยระบบแบล็คไลท์ พาร์ทิชั่น ถึง 5,000 โซน มาพร้อมระบบปฏิบัติการ VIDAA U ที่สามารถใช้งานได้ง่าย เข้าถึงโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ไฮเซ่นส์ยังถือเป็นผู้พัฒนาจอภาพที่แสดงผลได้ความละเอียดสูงสุดในโลก ณ ขณะนี้ด้วย
“การแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและเหนือระดับของเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ไม่หยุดนิ่งต่อการพัฒนา ทำให้ไฮเซ่นส์กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจ ส่วนในประเทศไทยนั้น ไฮเซ่นส์เข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2559 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยมากขึ้น โดยตั้งเป้าเป็นแบรนด์ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่าในราคาที่ผู้บริโภคจับจ่ายออกมา (Best Value for Money) ควบคู่กับการรับประกันที่ยาวนานถึง 3 ปี ปัจจุบันไฮเซ่นส์มีพันธมิตรด้านการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็งอย่าง เพาเวอร์บาย และเทสโก้ โลตัส ซึ่งวางแผนที่จะขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการซื้อของผู้บริโภคที่มีมากขึ้นในอนาคต” กรรมการผู้จัดการ กล่าว
