ที่ผ่านมาเราอาจรู้จักสไตล์การแต่งบ้านคุ้นหูหลายแนว เช่น Industrial Loft, Scandinavian, Minimalism, Modern Luxury, Classic และอีกมากมาย มีแนวหนึ่งที่คนยังพูดถึงน้อย แต่ทั่วโลกก็เริ่มมีกระแสแล้วคือการแต่งบ้านที่เรียกว่า Biophilia Design
คำว่า Biophilia สร้างขึ้นครั้งแรกโดยนักจิตวิเคราะห์ชาวยิวเยอรมันที่หนีจากระบอบนาซีมาอยู่สหรัฐอเมริกานามว่า Erich Fromm ซึ่งกล่าวว่า Biophilic คือ “การหลงรักในชีวิต และทุกอย่างที่มีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นคน ต้นไม้ ความคิด หรือกลุ่มสังคม” เป็นปรัชญาที่เน้นความมีชีวิต
เมื่อมาดู Why Biophilic Design ด้วยสถิติก็พบว่า คนซื้อบ้านยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 7% เพื่อได้บ้านที่มีสวนที่สวยงาม ยอมจ่ายเพิ่มขึ้น 58% ได้บ้านที่มองเห็นทางน้ำ หรือยอมจ่ายเพิ่ม 127% เพื่อการได้ที่ดินติดน้ำ แปลว่า “ความรู้สึกมีชีวิตชีวารอบบ้าน” นั้นมีความหมายมาก
Biophilic Design ดึงธรรมชาติมาให้อยู่ใกล้ตัว
ยุคที่ผ่านมามนุษย์พยายามควบคุมธรรมชาติ สร้างเขื่อนกั้นทางน้ำ ถางป่าเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย ตัดต้นไม้เพื่อไม่ให้พันสายไฟฟ้า จัดเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างโบราณเมื่อถึงปี 2021
เราอาจควบคุมภายนอกไม่ได้ แต่เมื่อเรามีสเปซเล็กๆ ของเราเอง คนรุ่นใหม่หลายคนจึงพยายามจะสร้างและรักษาธรรมชาติใกล้ตัวไว้ให้ดี Biophilic Design พูดให้ง่าย ก็เหมือนการจัดสวนทั้งภายนอกและตกแต่งต้นไม้ภายใน แต่ว่าเน้นที่ “ความมีชีวิตและเป็นธรรมชาติ”
ส่วนประกอบที่เห็นหลักๆ ในงาน Biophilic Design ที่แน่นอนคือ ต้นไม้สีเขียว นอกจากนั้นก็มี เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นลายไม้ คล้ายกับ Scandinavian แต่มีความเป็น Tropical หรือมีต้นไม้มากกว่า
น้ำกับแสงแดด ส่วนประกอบที่มักมองข้าม
สองสิ่งนี้มีผลให้ Biophilic Design สมบูรณ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สำหรับน้ำถ้าหากพื้นที่นั้นไม่เหมาะที่จะใช้น้ำจริง ไม่ว่าจะมาเป็น เสียงน้ำไหลของน้ำตกเล็กๆ หรือ มาเป็นความชุ่มชื้นใต้ร่มเงา ก็ช่วยดึงความรู้สึกได้เช่นกัน คาเฟ่หลายที่ในไทยที่อากาศร้อนมากมีการติดหัวพ่นหมอก ก็ช่วยให้ความรู้สึกดีได้ด้วย แบบนี้ไม่ค่อยเห็นต่างประเทศใช้นัก แต่น่าจะเหมาะกับเมืองไทยทีเดียว
ส่วนแสงธรรมชาติ จากที่เราพยายามหนีความร้อน ต้องอย่าลืมว่า แสงแดดคือองค์ประกอบหลักของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่เฉพาะต้นไม้ที่ต้องการมัน แสงธรรมชาติในปริมาณที่พอเหมาะยังมีวิตามินดี ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นได้เหมือนการทานกาแฟ ส่วนของช่องแสงนั้น เล่นดีไซน์ได้อีกเยอะมาก
ประยุกต์ Biophilic Design ให้เข้ากับเมืองไทย
สำหรับประเทศร้อนชื้นอย่างเมืองไทย เราพอจะมีไอเดียการปรับ Biophilic Design มาให้เข้ากับการใช้ชีวิตเพิ่มอีกเล็กน้อย ลองมาชมกัน
1. ยุงและแมลง
ยุง ไม่เพียงเป็นอุปสรรค์สำคัญต่อความสุนทรีย์ในยามค่ำคืน ยังเป็นพาหะนำโรคที่มีคนเสียชีวิตเพราะยุงมามากแล้ว การตกแต่งบ้านให้ Biophilic Design ต้องคำนึงด้วยว่าจะไม่ก่อให้เกิดน้ำขังนิ่งที่ยุงจะไปวางไข่ ไม่มีช่องเปิดที่ยุงจะบินเข้ามาได้
ถ้าหากคุณอยากได้ผนังห้องนอนเป็นสวนแนวตั้งสีเขียวชิดธรรมชาติ อาจลองกั้นผนังกระจกใสเต็มผืนไว้ เพื่อเทคแค่วิวธรรมชาติ แต่ไม่ต้องสร้างช่องเปิดจริง ไม่อย่างนั้นอาจจะใช้ชีวิตไม่เป็นสุขได้เลย
2. เลือกต้นไม้ให้พอดีกับแสง
จุดเด่นของการแต่งบ้านแบบ Biophilic Design เรามักจะเห็นการมีต้นไม้อยู่ในห้อง indoor ร่วมกับเราด้วย ถ้าหากจะใช้ต้นไม้เทียมก็ขาดความมีชีวิตตามคอนเซ็ปท์ไป การเลือกต้นไม้ไว้ภายในจึงต้องเลือกพันธุ์ที่ชอบแสงน้อย ณ บริเวณที่วางกระถางเขาเอาไว้ จะได้ใช้ชีวิตมีความสุขทั้งคนและต้นไม้ไปพร้อมกัน
นอกจากนั้น การเลือกต้นไม้ที่อยู่ในห้องนอน ก็ควรจะเลือกพันธุ์ที่ไม่ขับคาบอนไดออกไซด์ในตอนกลางคืน เพราะไม่งั้นจะมาแย่งออกซิเจนกันเองกับคุณในเวลานอนไปอีก
3. ออกแบบให้อัตโนมัติ
คุณอาจไม่ได้อยู่บ้านตลอด 365 วัน บางช่วงอาจไปเที่ยวต่างประเทศเป็น 10 วัน ถ้าหากไม่เตรียมระบบให้น้ำอัตโนมัติเอาไว้ ต้นไม้สวยๆ ก็อาจตายกันหมด ดังนั้นเรื่องของระบบการให้น้ำ ถ้าออกแบบแต่แรกเลยได้ก็ดี แถมยังช่วยให้ต้นไม้โตสวยจากความชื้นที่พอดีอีกด้วย
เรื่องที่ออกแบบให้อัตโนมัติ ไม่ได้มีเพียงการให้น้ำอย่างเดียว นอกจากนั้นยังมีเช่น การคำนึงถึงจุดร่วงหล่นของใบไม้ที่ต้องมีการผลัดใบตามธรรมชาติ พันธุ์ไหนผลัดใบน้อย ถ้าผลัดใบแล้วใบจะหล่นตรงไหน หรือต้นไม้ที่เป็นพันธุ์ใหญ่ เมื่อโตมากแล้วสเปซเพียงพอให้เขาเติบโตหรือไม่ รากจะมาขัดกับท่อน้ำใต้ดินแตกหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ควรออกแบบให้ได้แต่แรก
หากมีบ่อน้ำในบ้าน จำเป็นจะต้องติดตั้งระบบทำความสะอาดน้ำให้ดีจะทุ่นเวลาการดูแลไปได้มาก รวมทั้งคิดก่อนทำว่า ถ้าหากใบไม้ร่วงลงบ่อน้ำจะจัดการอย่างไร
4. บริหาร Ecosystem ให้พอดี
เมื่อคุณตั้งใจจะสร้างความเป็นธรรมชาติสำหรับส่วน indoor อาจดูแลง่าย แต่ส่วน outdoor ก็ต้องเข้าใจว่าเมื่อคุณสร้างมันได้ดีระดับหนึ่ง มันมักจะมีสัตว์ตามธรรมชาติเข้ามาอาศัยด้วย จะถึงจุดที่คุณต้องเลือกแล้วว่า จะให้ ecosystem นี้มันอยู่ที่ระดับไหน เช่น มีแมลงบ้างหรือไม่ ไม่หนอนกินใบไม้ไหม มีนกหรือไม่ หอยทาก คางคก จิ้งจก บ้างหรือไม่ หรือหนักเลยคือ งูเข้าบ้าน
คอนเซ็ปท์สร้างชีวิต จึงอาจกลายเป็นต้องจำกัดความมีชีวิตในบางระดับ เช่น จะฉีดยาฆ่าแมลงไหม ระดับความรกของต้นไม้จะให้ระดับไหน ลองดูระบบห่วงโซ่อาหารจะพบว่า เมื่อมีการตกแต่งไฟตอนกลางคืน ก็จะเกิดแมลงมาเล่นไฟ เมื่อมีแมลงก็จะมีจิ้งจก จะช่วยให้เข้าใจการทำงานของวงจรมากขึ้น
5. ออกแบบบนความยั่งยืน
Biophilic Design ไม่เพียงแต่เป็นการแต่งบ้านด้วยต้นไม้เดียงอย่างเดียว ยังสามารถออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งกับชีวิตของคุณในทุกวันได้ด้วย ถ้าหากมีการวางแผนที่ดีไว้ตั้งแต่ต้น ก็จะทำให้เกิด ecosystem ครบวงจร เป็นธรรมชาติใกล้ตัวคุณโดยที่คุณอาจใช้เวลาดูแลเพียงนิดเดียว หรือไม่ต้องยุ่งกับมันเลยก็ได้