แม้ว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จ อาจจะไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว แต่การเดินตามรอยทางของผู้ที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนก็น่าจะเป็นการดีที่เราจะไม่ต้องลองผิดลองถูกเองให้เสียเวลา
วันนี้ iUrban จึงได้รวบรวมเทคนิค วิธีคิด และพฤติกรรมจากบุคคลผู้ที่ประสบความสำเร็จมาให้คนธรรมดาอย่างเราๆ ได้ลองปรับความคิด มุมมอง และพฤติกรรมที่จะได้กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
ซึ่งจากเทคนิคที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า เริ่มแรกแล้วคนที่จะประสบความสำเร็จนั้น พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เลยซะทีเดียว แต่พวกเขาเลือกที่จะคิดและลงมือทำสิ่งเล็กๆ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นปูทางไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
มาลองดูกันว่า สิ่งเล็กๆ ที่บุคคลที่ประสบความสำเร็จทำกันทุกวันมีอะไรบ้าง
1. จัดลำดับความสำคัญในชีวิต (Define your priorities)
ลองถามใจตัวเองว่า ในชีวิตนี้อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หรือถ้ายังหาสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไม่พบ ก็ลองกำหนดสิ่งที่ชอบหรืออยากทำในชีวิตมาสัก 3 อย่าง แล้วถามตัวเองต่อว่า ตอนนี้เรากำลังใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่เราให้ความสำคัญอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ก็ควรจะหาเวลาสังเกตตัวเองว่า “จริงๆ แล้วในชีวิตนี้ ฉันอยากทำอะไร” หรือให้ลองจินตนาการถึงบุคคลที่เราอยากเป็นในอนาคต แล้วมองย้อนกลับว่า คนที่เราอยากเป็น เขามีนิสัยอย่างไร วิธีนี้ก็จะช่วยไกด์เราได้ว่า เราควรสร้างนิสัยใหม่ๆ อะไรเพื่อพาตัวเองไปสู่บุคคลที่เราอยากเป็นในอนาคต ซึ่งการที่เราได้ใช้เวลา “โฟกัส” อยู่กับสิ่งที่เราให้ความสำคัญทุกวัน จะค่อยๆ สร้างความรู้สึก “สำเร็จ” ที่เป็นไปได้ในอนาคตนั่นเอง
2. ฝันใหญ่…ต้องวางแผน (Plan your day)
“มีผู้คนมากมายล้มเหลวจากการวางแผน พวกเขามีฝันที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่เคยเดินตามขั้นตอน ไม่เคยพัฒนา พวกเขาอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ว่าวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ แต่มันเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณฝันใหญ่ ไหนล่ะแผนการของแต่ละวันที่คุณจะทำมันเพื่อทำให้ฝันของคุณเป็นจริง?” เบรนดอน เบอชาร์ด (Brendon Burchard) นักพูดสร้างแรงบันดาลใจชาวอเมริกันได้กล่าวไว้ เพื่อเตือนใจถึงนักฝันทั้งหลายให้รู้จักวางแผน และค่อยๆ ทำตามแผนของตัวเองทุกวัน สเต็ปบายสเต็ป เพื่อที่เราจะได้เกิดการพัฒนา จนฝันนั้นจะไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝันแต่มันจะค่อยๆ กลายเป็นความจริง
3. กินกบตัวนั้นซะ! (Eat the frog!)
“ถ้าสิ่งแรกที่คุณทำในตอนเช้าคือการกินกบเป็นๆ ก็เหมือนกับว่าตลอดทั้งวันจะมีแต่เรื่องดีๆ เพราะคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว” by มาร์ก ทเวน (Mark Twain)
เช่นเดียวกับการทำงาน ที่ถ้าเราเลือกทำงานที่ยากหรืองานที่สำคัญที่สุดก่อนในแต่ละวัน เราก็ไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันกังวลกับงานนั้นที่รอเราอยู่ ดังนั้นการลงมือกินกบก่อนจึงเป็นทางลัดที่จะทำให้เราค่อยๆ เข้าสู่เป้าหมายได้ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเทคนิคนี้แนะนำโดย “ไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy)” นักเขียนและนักพูดชื่อดังระดับโลกด้านความสำเร็จ โดยเขาได้เสริมอีกว่า คนที่ประสบความสำเร็จมักจะมีสมาธิมุ่งมั่นอยู่กับงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
4. ตั้งเดดไลน์ให้ตัวเอง (Give yourself deadlines)
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเร่งทำงานในช่วงสุดท้ายก่อนเดดไลน์ แต่ก็ยังทำงานเสร็จ คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมเราถึงไม่เอาเวลาก่อนหน้านั้นค่อยๆ ทำงาน แต่กลับเร่งทำในวินาทีสุดท้าย? ปรากฏการณ์นี้อธิบายได้จากกฎของพาร์กินสัน (Parkinson’s Law) ที่ว่า “งานมักจะขยายออกเท่ากับเวลาที่กำหนดให้เสร็จ (Work expands so as to fill the time available for its completion)” นั่นหมายความว่า ถ้าเราตั้งเดดไลน์ก็จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เร่งเวลาทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด แต่เราต้องรู้จักพิจารณาว่างานนั้นๆ ควรใช้เวลาทำให้เสร็จเมื่อไหร่ถึงจะเหมาะสม ซึ่งหลายงานสามารถตั้งวันเดดไลน์ส่วนตัวที่จะทำให้งานเสร็จก่อนเวลาเดดไลน์จริงได้ โดยวิธีนี้จะทำให้เราบริหารเวลาของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และอีกเทคนิคที่ใช้ควบคู่กับการตั้งเดดไลน์ส่วนตัวได้ดีก็คือ การบล็อกเวลา (Time blocks) เพื่อทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกวัน เช่น ลองตั้งใจลงมือทำงามด้วยช่วงเวลาที่บล็อกไว้ในแต่ละวันสัก 55 นาที ซึ่งเราต้องตั้งใจไว้ว่า 55 นาทีนี้จะทำตามเป้าหมายอย่างเดียวไม่วอกแวกไปเล่นมือถือหรือเช็กอีเมลทั้งนั้น ซึ่งพอเสร็จสิ้นการทำงานในช่วงไทม์บล็อกแล้ว ค่อยกลับไปทำงานอื่นๆ ที่ต้องทำต่อ วิธีนี้ก็จะช่วยให้เราได้ลงมือทำตามเป้าหมายในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะช่วยให้เป้าหมายนั้นสำเร็จตามเดดไลน์ที่เราตั้งไว้อีกด้วย
5. อ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (Read as much as you can)
อาจจะเรียกได้ว่า ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จคนไหนไม่รักการอ่านก็ว่าได้ เพราะเมื่อดูกันตั้งแต่บุคคลต้นแบบผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกอย่าง บิล เกตส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์, มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก และอีลอน มัสค์ อัจฉริยะด้านนวัตกรรมผู้ก่อตั้ง PayPal , Tesla Motors และ SpaceX และยังเป็นต้นแบบของบทบาท “Tony Stark” ในภาพยนตร์เรื่อง Iron man ต่างก็เป็นยอดนักอ่านตัวยง โดยบิล เกตส์นั้นอ่านหนังสือประมาณ 50 เล่มต่อปี, มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ใช้เวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ส่วนเคล็ดลับในความสำเร็จของอีลอนที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก็คือ “ผมแค่อ่านหนังสือ” ดังนั้นการอ่านจึงเรียกได้ว่าเป็นหัวใจในการจะประสบความสำเร็จก็ว่าได้ นั่นก็เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นคนเก่งหรือเคยประสบความสำเร็จมาจากไหน เราทุกคนก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดชีวิตนั่นเอง