ไม่ใช่เพียงแค่คนไทยที่มีความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนหลายประเทศทั่วโลก Li Edelkoort นักคิดจากสำนักเทรนด์ Trend Union บอกว่า หลังหลังจากที่ทีมงานของเธอเฝ้าจับตาออกแบบจากฝีมือดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นหลังเหตุการณ์สินามิ พบว่าโปรดักต์มีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่ความเรียบง่าย ไม่ใช่เครื่องกลที่ซับซ้อน แต่เป็นกลไกแบบแมนวล ที่สามารถทำงานได้แม้ไม่มีไฟฟ้า ส่วนนักออกแบบชาวญี่ปุ่น Nosigner ก็ให้ทัศนะว่า ปัจจุบันผู้บริโภคญี่ปุ่นใส่ใจไตร่ตรองการเลือกซื้อสินค้ามาก “พวกเขาคิดตลอดเวลา ว่าถ้าเกิดแผ่นดินไหว ข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่รายรอบตัวจะเป็นอันตรายต่อเขาไหม หรือพวกเขาจะได้ใช้มันในการป้องกันอันตรายได้อย่างไร” ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นช่องทางสร้างเงินของนักธรุกิจหัวใสผลิต “แคปซูลช่วยชีวิต” ออกมาขาย “Noah’s Ark” มีลักษณะเป็นเหมือนลูกบอลทำจากไฟเบอร์กลาสชนิดพิเศษที่ทนแรงกระแทกสูง มีช่องระบายอากาศ และอาหารสำหรับเลี้ยงชีพ ถ้าเกิดเหตุแผ่นดินไหวหรือสึนามิ คุณสามารถใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้หลายวัน โดยเจ้าแคปซูลนี้จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะอยู่ซากตึกหรือลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลที่จะมีคนมาช่วยคุณแน่นอนเมื่อหันมาดูทางด้านออกแบบสถาปัตยกรรม สถาปนิกญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยกันมาให้ความสำคัญกับโครงสร้างเบาที่ทำจากวัสดุหาง่าย นอกเหนือจาก Shigeru Ban สถาปนิกระดับมาสเตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำท่อกระดาษมาประยุกต์ใช้เป็นโครงสร้างอาคาร มาตั้งแต่กลางศตวรรษ 90 แล้ว และเขายังนำโครงสร้างท่อกระดาษมาใช้ทำเป็นบ้านพักชั่วคราวของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่เบา ประกอบสร้างได้ง่าย อีกทั้งยังราคาถูกมีอยู่ทั่วไป สิ่งที่ Shigeru Ban คือใช้ความสามารถเปลี่ยนให้เป็นงานออกแบบที่ตอบสนองต่อความจำเป็นเร่งด่วนได้อย่างมทันท่วงที เช่นเดียวกับสถาปนิกร่วมรุ่นอีกคน Kengo Kama ได้พัฒนาสถาปัตยกรรมโครงสร้างเบา “Water Branch House” ซึ่งทำจากพลาสติก รีไซเคิล มีลักษณะเป็นเหมือนอิฐพลาสติกชิ้นเล็กๆที่สามารถต่อกันเป็นโครงสร้างสำหรับอยู่อาศัยได้ โดยภายในโปร่งเพื่อใส่น้ำทำให้มั่นคงแข็งแรง ด้วยคุณลักษณะที่ง่ายต่อการขนย้ายและประกอบ จึงเป็นอีกนวัตกรรมการก่อสร้างอาคารที่สามารถพัฒนาเพื่อใช้งานได้จริงในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก D-Focus Magazine