ปีเตอร์ นิทช์ (Peter Nitsch) ช่างภาพสารคดีชื่อดังชาวเยอรมันกลับมาที่ คัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี่ (Kathmandu Photo Gallery) อีกครั้ง พร้อมกลับผลงานนิทรรศการเดี่ยว “Tango in the Big Mango” นำภาพถ่ายจากหนังสือชื่อเดียวกันของเขา มาแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นกรุงเทพฯ ร่วมสมัย ที่ไร้การปรุงแต่ง โดยจะจัดแสดงในวันที่ 8 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2566
ภาพถ่ายชุดนี้ของ ปีเตอร์ นิทช์มีธีมเกี่ยวกับความเป็นมหานครของกรุงเทพฯ สำรวจผ่านช่วงเวลา ชีวิตผู้คนและสถานการณ์ต่างๆ ชีวิตของคนในหลายๆ ลำดับชั้นทางสังคม ตั้งแต่คน “มั่งมี” ไปจนถึง “คนไม่มี” อัครา นักทำนา ภัณฑารักษ์ของงานอธิบายว่า “ภาพถ่ายหน้าตรงของบุคคลต่างๆ มีความน่าสนใจตรงที่ ไม่ใช่เพียงการจับภาพตอนทีเผลอแบบภาพสตรีทที่เราคุ้นแคย แต่หากมีบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ผ่านทางสายตาและท่าทาง”
เช่นเดียวกับในหนังสือ นิทรรศการนี้ผู้ชมจะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางในการออกสำรวจไปกับเขา นอกเหนือจากธีมหลักคือ “การเต้นรํา” เปรียบเปรยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วฉับพลันของกรุงเทพมหานครแล้ว สัญลักษณ์ในเรื่องของ ความโลภ (Greed) การเติบโต (Growth) และความโกรธ (Angst) ยังมีบทบาทสําคัญในภาพถ่ายเหล่านี้ โดยเป็นสัญลักษณ์ที่ “แสดงถึงความคิดที่ผุดขึ้นมาท่ามกลางความเคลื่อนไหวอันรวดเร็วและวุ่นวาย” ภัณฑารักษ์กล่าวเสริม
“เรามักจะคิดว่า ‘สารคดี’ เป็นเพียงแค่ ‘การถ่าย’ ภาพที่อธิบายให้คนเห็นเฉยๆว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ผมมองว่าการทำ ‘สารคดี’ ของ ปีเตอร์ นิทช์จะเป็นรูปแบบของ Baudelaire (ชาร์ลส์ โบดแลร์-นักวิจารณ์ศิลปะ) มากกว่า ซึ่งจะใช้ช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่สายตาของเราได้สัมผัสกับบางอย่าง ก่อนจะมีการตีความหรือหาคำอธิบายใดๆ” เกรเกอรี แกลลิแกน (Gregory Galligan) ผู้อํานวยการ Thai Art Archives กล่าว
สําหรับชื่อ “Tango in the Big Mango” กล้องของ ปีเตอร์ นิทช์ถ่ายภาพให้เราเห็นจังหวะของเมืองนี้เหมือนกับการเต้นในจังหวะแทงโก้ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่เฉพาะเจาะจงจากการทำงานร่วมกันของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การเปรียบเปรยที่ไม่เพียงแต่คล้องจองกับ “มะม่วง” (ชื่อเล่นของกรุงเทพฯ) แต่ยังแปลรสหวานอมเปรี้ยวของมะม่วงออกมาให้กลายเป็นความมัวเมาที่มองเห็นได้ อัคราอธิบายผลของการเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็น “ความทะยานอยากของการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ไปจนถึงการหยุดชะงักจนหัวทิ่มหัวคะมำ ในบทเพลงอันแสนเย้ายวนและเร้าใจ เรากำลังนั่งชมการเต้นรำอันพริ้วไหวไปบนภาพถ่ายที่แปลกประหลาดของกรุงเทพฯ ที่สะท้อนเอาความจริงออกมาวางให้ดูอย่างน่าตื่นตาตื่นใจและตรงไปตรงมา”