เจ้าของและผู้ก่อให้คำจำกัดความของ Foundry ไว้ว่า “Classic of Tomorrow จากจุดเริ่มต้นนี้เราจึงเห็นงานที่เป็นการผสมผสานระหว่างกับงานเชิงช่างฝีมือเข้าด้วยกัน
งานเกือบทั้งหมดมีไม้เป็นวัสดุหลัก หรือไม่ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญซึ่งช่วยให้อารมณ์อบอุ่น แต่ในคอลเลคชั่นใหม่นี้ยังมีวัสดุที่แตกต่างออกไปอยู่บ้าง อย่างโคมไฟชื่อ Loppa ที่ทำจากกระดาษ และที่ยังเหมือนเดิมก็คือ การนำงานจากดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ๆเข้ามาในคอลเลคชั่นนี้ ซึ่งก็ยังคงเป็นนักออกแบบหนุ่มสาวจากยุโรปและญี่ปุ่น หลายคนเคยทำงานในสตูดิโอของนักออกแบบระดับดาราในยุโรปมาก่อนที่จะมาเริ่มตั้งสตูดิโอหรือทำงานในชื่อของตัวเอง อย่าง Elina Mangia ซึ่งเคยร่วมงานกับ Patrik Norguet มีงานออกแบบที่น่าสนใจชื่อ “Tuca Tuca” โคมไฟตั้งโต๊ะที่ประกอบจากไม้ท่อนกลมและมีส่วนโป๊ะและขาตั้งรูปตัวที เป็นโลหะ มีองค์ประกอบของเส้นสาย และการใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานและน่าสนใจ หรืออย่าง งานAcessories ชิ้นเล็กๆชื่อ “Clown Nose ” ของ Tomas Kral เป็นภาชนะเอนกประสงค์ทำจากเซรามิคที่มีจุดเด่นอยู่มี่ฝาลูกคอร์กกลม ดูคล้ายกับจมูกของตัวตลกคณะละครสัตว์ เป็นงานที่มีอารมณ์ขันตามสไตล์ เห็นงานแล้วชวนให้ยิ้ม
ภาพรวมๆของงานก็คือตอนต่อของ Foundry คอลเลคชั่นแรกที่ยังมีทีม Outofstock ช่วยแบ็คอัพด้านความคิดสร้างสรรค์และ Curate งานให้เหมือนเดิม อาจจะยังไม่ได้มีอะไรให้ประทับใจมาก แต่ยังน่าติดตามอยู่ ว่าแบรนด์จากสิงค์โปร์ที่พัฒนาธุรกิจตามแนวทางแบบแบรนด์ในยุโรปนี้จะไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหน คงต้องดูจับตาดูกันต่อไป ขอบคุณบทความจาก Art4d Magazine and http://www.foundrycollection.com/