หลายคนชอบบ้านสไตล์โมเดิร์นและอาจดูดีไซน์ reference จากหลายที่มามากแล้ว วันนี้จึงเราไม่ได้มาแนะนำดีไซน์ที่สวยงามเหล่านั้นคงความทันสมัยได้ยาวนาน แต่จะมาแนะนำแนวคิดการสร้างบ้านโมเดิร์นที่ทันสมัยอย่างมีคุณค่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับชีวิตการอยู่อาศัยทุกวันของคุณในอนาคต
1. เลือกใช้วัสดุที่ทำความสะอาดง่าย
การทำให้บ้านดูสวย ส่วนหนึ่งก็มีวิธีง่ายๆ คือ การทำบ้านให้ดูใหม่ เพราะบ้านที่ดูใหม่อยู่เสมอนั้นก็จะทำให้ดูดีไปตลอด แน่นอนว่าเราไม่สามารถห้ามลมฟ้าอากาศได้ ไม่สามารถดูแลบ้านทุกซอกทุกมุมทั้งภายนอกและภายในได้ตลอดเวลา แต่โชคดีที่ในยุคปัจจุบันนั้นมีวัสดุทันสมัยหลายชนิด ที่ทำให้บ้านสามารถทำความสะอาดได้ง่ายหรือสกปรกได้ยาก เช่น สีชนิดเช็ดล้างได้ สีทาภายนอกที่ฝนตกแล้วไม่ทิ้งคราบ หรือสีที่ทนแดดแรง โดยเฉพาะเมืองไทยที่แดดแรงเป็นพิเศษ
หรือแม้แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่างๆ ควรเป็นชิ้นที่ง่ายต่อการทำความสะอาด เช่น การเลือกดีไซน์ของไฟแชนเดอเลียร์ (chandelier) ที่ต้องคิดถึงการทำความสะอาดในระยะยาว ยิ่งเป็นคริสตัลรายละเอียดเยอะ ยิ่งใช้ชั่วโมงการทำความสะอาดเยอะมากขึ้น
2. ดีไซน์เรียบง่าย
แต่มีรายละเอียดใน Material
บ้านสไตล์โมเดิร์นส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นบ้านที่ออกแบบเรียบง่าย หลายที่ก่อสร้างด้วยระบบผนังพรีแคสใช้รับน้ำหนักชั้นบนแทนเสาและคาน ทำให้จำเป็นต้องมีเสาทำให้การออกแบบมีอิสระมากขึ้น หรือจะเป็นผนังที่มีลักษณะป้องกันความร้อนถ้าหากไม่เป็นพรีแคสอาจจะเป็นผนังสองชั้นให้มีช่องอากาศกั้นตรงกลาง เพื่อป้องกันอากาศร้อนเข้าสู่ตัวบ้านอีกชั้นหนึ่งได้
หลายครั้งที่เราเห็นบ้านสไตล์โมเดิร์นใช้กระเบื้องเรียบๆ ไม่มีลอนหยักเหมือนการออกแบบบ้านสมัยก่อน แต่ในรายละเอียดมีมากกว่านั้น หลังคาเป็นจุดที่ต้องเจอแดดโดยตรงก็มีเทคโนโลยีพิเศษเคลือบชั้นสีให้ทนทานมากกว่ากระเบื้องโดยทั่วไป แบบนี้ก็มีรายละเอียดในเทคโนโลยีของ Material สำหรับการสร้างบ้าน
3. คำนึงไลฟ์สไตล์ก่อนความสวยงาม
บ่อยครั้งที่คนเรามักแต่งบ้านตามแบบสวยๆ ที่ดูมาจากนิตยสาร ซึ่งถ้าหากใช้เป็น reference อ้างอิงให้เห็นภาพตรงกันนั้นก็ช่วยให้ผู้รับเหมาหรือสถาปนิกเข้าใจง่าย แต่ต้องอย่างให้ความสำคัญน้อยไปกว่า “ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย” เพราะสำคัญกว่าความสวยงาม บางบ้านอาจจะเล่นระดับพื้นสูงต่ำ แบ่งห้องต่างๆ ออกอย่างมีสไตล์
แต่ในบ้านกลับมีผู้สูงอายุ ซึ่งลำบากต่อการก้าวเปลี่ยนระดับ เหมือนอย่างเช่น สไตล์ Loft ที่คนไทยหลายคนชอบคือการปรับเปลี่ยนโรงงานเดิมให้เป็นที่อยู่อาศัยตอบรับกับการขยายเมือง ดังนั้น การใช้ผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลางของการออกแบบ จะทำให้ออกแบบได้บ้านที่ทันสมัยอย่างแท้จริง คือ บ้านที่โมเดิร์นด้วยแนวคิดและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย
4. จัดการกับความร้อนและประหยัดพลังงาน
เรื่องของการประหยัดพลังงาน เป็นวาระดับโลกไปแล้วซึ่งถ้าหากนักออกแบบคนไหนในยุค 2018 นี้ยังไม่คำนึงถึงส่วนนี้ในการออกแบบสิ่งต่างๆ ก็อาจตามกระแสโลกไม่ทัน โดยเฉพาะบ้านเมืองไทยที่อากาศร้อนขนาดนี้ การประหยัดพลังงานไม่ได้หมายถึงให้ผู้อยู่อาศัยทนร้อนโดยไม่ต้องเปิดแอร์ แต่หมายถึงการช่วยบ้านลดอุณหภูมิภายในบ้าน ให้งานออกแบบช่วยลดความร้อนจากภายนอกให้ลดได้เยอะที่สุด เพื่อที่ว่าแอร์จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ก็คือเป็นการประหยัดพลังงานแล้ว
ผลลัพธ์จากการจัดการกับความร้อนและประหยัดพลังงานนั้นไม่ได้สะท้อนออกแค่บิลค่าไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงความสุขสบายของผู้อยู่อาศัย การลดพื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ทำความเย็น และอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง โดยเพียงแค่เราลดความร้อนลงได้แม้เพียง 1-2 องศา ซึ่งในปัจจุบันก็มีวัสดุก่อสร้างหลายอย่างที่ช่วยเหลือในด้านนี้ เช่น สีกันความร้อน ระบบบ้านหายใจได้ Active AIRflow™ System ของ SCG ฟิลม์ฉนวนกันความร้อนสำหรับบ้าน และล่าสุดก็มีหลังคาคอนกรีตสะท้อนรังสีความร้อน NeuStile X-Shield HeatBLOCK (ของ SCG อีก) ซึ่งเราจะอธิบายด้านล่าง
5. มากกว่าแค่พื้นที่สีเขียว
การร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมก็เป็นเทรนด์ระดับโลกสำหรับนักออกแบบเช่นกัน ในทางเดียวกัน การปลูกต้นไม้นั้นก็ไม่เพียงได้สีเขียวสบายตา แต่ต้นไม้ขนาดกลางหนึ่งต้นสามารถทำความเย็นได้แทนแอร์ระดับ 9,000 BTU ที่ทำงานตลอดเวลากลางวันโดยที่ไม่ต้องเสียค่าไฟ
เมื่อบ้านมีการตกแต่งด้วยต้นไม้จำนวนมาก ก็ย่อมช่วยลดอุณหภูมิโดยรอบอาคารได้อีกด้วยเช่นกัน แต่ไม่แนะนำให้ปลูกต้นไม้ในบ้านมากนัก เพราะในเวลากลางคืนต้นไม้จะแย่งออกซิเจนกับเราและคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแทนการปล่อยออกซิเจนสลับกับตอนกลางวัน ต้นไม้จึงนิยมใจการใช้แต่งบ้านรอบอาคารมากกว่าใส่ไว้ในบ้าน
6. เทคโนโลยี IoT ต่อการอยู่อาศัย
สำหรับปี 2018 นี้ เราก็เข้าสู่ยุค IoT หรือ Internet of Things อย่างสมบูรณ์แล้ว มีหลากหลายแบรนด์ผลิตสินค้าอัจฉริยะที่ช่วยเราดูแลบ้านออกมาจำนวนมาก และเริ่มเป็นความสามารถที่ไม่ใช่เพียงของเล่นแล้ว
เช่น เครื่องฟอกอากาศที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อคุณภาพอากาศภายในห้องแย่ลง หรือสัญญานกันขโมยทั้ง WIFI Camera ที่ติดตั้งตรงไหนก็ได้ไม่ต้องเดินสาย Door & Windows Sensor ทำให้คุณรู้เมื่อมีการเปิดปิดประตู ผ้าม่านที่เปิดปิดอัตโนมัติตามการตั้งโปรแกรมของคุณ เครื่องปรับอากาศที่เปิดต้อนรับก่อนคุณถึงบ้าน 2 กิโลเมตร เหล่านี้เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำงานร่วมกันกับ internet อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ชีวิตการอยู่อาศัยของทุกคนในโลกนี้ดีขึ้น
7. เข้าใจ How it works
มากกว่าเพียง How it looks
“Design is not just what it looks like and feels like. Design is how it works.”
สิ่งสำคัญที่สตีฟ จ็อบส์ อดีต CEO บริษัท Apple ได้เคยกล่าวเกี่ยวกับการออกแบบนั้นสั้นแต่มีความหมาย “การออกแบบไม่ใช่เพียงแค่มันดูดีแค่ไหนหรือรู้สึกอย่างไร แต่การออกแบบคือ มันทำงานได้อย่างไร” ผลิตภัณฑ์ที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่าง iPhone และ Mac ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันดับ 1 แม้เขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว
เมื่อเรามองถึงการออกแบบบ้านก็เช่นกัน บ้านที่โมเดิร์น บ้านที่ทันสมัย นั้นไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่จะดูแล้วรู้สึกสวยงาม หรือดูเหลี่ยมๆ สิ่งเราจะต้องคิดมากกว่านั้นคือ “เราทำแบบนี้ทำไม” เราลดลวดลายบนเสาทำไม ทำไมเราไม่ใช้เสาสไตล์หลุยส์เหมือนเดิม เรื่องเหล่านี้นั้นมีเหตุผล อาทิ
การลดลวดลายบนเสาลงทำให้เราสามารถประหยัดเวลาการทำความสะอาดลงไปได้ปีละหลายชั่วโมง มีโอกาสป่วยจากแบคทีเรียที่แอบเกาะตามขอบที่ทำความสะอาดยากน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่แยกออกมาอยู่เป็นครอบครัวเล็กมากขึ้น มีเวลาดูแลบ้านได้น้อยลง
หรือเราทำหลังคาสะท้อนความร้อนกันทำไม ก็เพราะสิ่งที่มันทำงาน คือ มันช่วยลดความร้อนในบ้านลงได้หลายเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานน้อยลง ยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น ค่าไฟฟ้าน้อยลง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ “ประโยชน์ทางไลฟ์สไตล์” จากการเลือกวัสดุที่โมเดิร์น เป็นสิ่งที่เราอยากให้คุณที่คำนึงถึงก่อนออกแบบบ้านแบบโมเดิร์นเพราะต้องการเพียงคำว่า “สวย”
หลังคาคอนกรีตสะท้อนรังสีความร้อน
NeuStile X-Shield HeatBLOCK จาก SCG
ตามที่เมื่อกี้ได้ค้างไว้ ถึงเรื่องวัสดุที่ช่วยจัดการกับความร้อนและช่วยประหยัดพลังงานตัวนี้ เป็นนวัตกรรมที่ออกมาจาก SCG บริษัทคนไทยแห่งนี้ได้สร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยออกมาหลายอย่างให้โลกนี้ได้ใช้งานแล้ว
โดยปกติหลังคาที่ใช้สะท้อนรังสีจากแสงอาทิตย์ได้มักจะเป็นสีอ่อน เพราะเรารู้กันในหลักการง่ายๆ อยู่แล้วว่า สีอ่อนมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนแสงและรังสีได้มากกว่า ส่วนสีเข้มจะมีลักษณะอมความร้อนมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น รถสีขาว กับรถสีดำ รถสีดำจะอมความร้อนมากกว่า แต่โดยส่วนใหญ่แล้วบ้านสไตล์โมเดิร์นจะเลือกใช้สีหลังคาที่เป็นสีเข้ม เป็นตัวเลือกที่นักออกแบบนิยมเพื่อให้บ้านดูสวยขึ้น
ซึ่งนวัตกรรมใหม่ของ SCG ครั้งนี้ คือการทำ “หลังคาเฉดสีเข้มให้สามารถสะท้อนรังสีได้เต็มๆ”
- นวัตกรรมโมเลกุลเม็ดสีสูตรพิเศษบนชั้นเคลือบ “HeatBLOCK Pigment” บนผืนกระเบื้องหลังคาคอนกรีต เฉดสีเข้ม ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้ดีกว่าสูตรเดิมถึง 3.5 เท่า* ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน จึงทำให้ประหยัดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศสูงสุด 15%**
- นวัตกรรมการเคลือบสีสูตรใหม่ “X-Shield Technology” เพิ่มพลังการยึดเกาะของชั้นสีและชั้นเคลือบของกระเบื้องหลังคา ช่วยให้โมเลกุลระหว่างชั้นผสานแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้สีสวย ทนทาน ยาวนานกว่าถึง 3 เท่า*
สรุปสั้นๆ : เย็นขึ้น และ สวยนาน
ถ้าหากใครสนใจจะออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ยังไม่ได้ฟันธงว่าจะใช้วัสดุอะไรเป็นหลังคาดีละก็ตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดและให้ดีไซน์ที่สวยงาม คนสนใจไม่ควรพลาด สนใจรายละเอียดคลิกได้ที่ www.scgbuildingmaterials.com
[button color=”red” size=”big” alignment=”center” rel=”nofollow” openin=”newwindow” url=”http://www.scgbuildingmaterials.com/th/Content/SCG-NeuStile-X-Shield-HeatBLOCK.aspx”]หลังคาคอนกรีต NeuStile X-Shield HeatBLOCK[/button]