สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสามเดือนของทุกๆ ปี ระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นช่วงเวลาที่สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นั่นคือ สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) ณ เมืองลิซเซ่ (lesse) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ผลิดอกบานสะพรั่งนับล้านๆ ดอก โดยเฉพาะดอกทิวลิปที่เป็นดาวเด่นของสวน ชวนเชิญให้ใครต่อใครพากันมาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้ ที่แม้จะเปิดให้เข้าชมช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทว่าในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้าชมสวนดอกไม้แห่งนี้ประมาณ 7-800,000 คนทีเดียวเชียว
สวนที่ผสานความหลากหลายอยู่ภายใน
ภายในสวนเคอเคนฮอฟนั้นใช่จะอวดแต่ความงามของไม้ดอกประเภทหัว หากแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับความหลากหลายที่ผสมผสานอยู่ภายใน
เริ่มต้นจากอาคารแสดงนิทรรศการ Oranje Nassau Pavillion ที่ด้านในให้นักออกแบบนำดอกไม้มาจัดแสดงในรูปแบบต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และวิธีการนำเสนอที่แปลกออกไป
จากนั้นจึงเข้าสู่โซน Children Paradise พื้นที่บริเวณนี้ แปลงโฉมเป็นฟาร์มในชนบท มีสัตว์เลี้ยง อย่าง แกะ ไก่ กระต่าย หมู เดินเตาะแตะอวดโฉม เป็นโซนที่เด็กๆ ดูจะชอบเป็นพิเศษ
ถัดจากโซนสวรรค์สำหรับเด็ก ๆ คราวนี้ล่ะเป็นสวรรค์ของคนรักดอกทิวลิปอย่างแท้จริง
โรงเรือนที่เต็มไปด้วยดอกทิวลิป
ด้านหน้าคือโรงเรือนกระจก Willem Alexander Pavillion ภายในเต็มไปด้วยดอกทิวลิป ทิวลิป และทิวลิป อาจไม่ได้มากมายเหมือนที่ปลูกกันเต็มท้องทุ่ง แต่หลากหลายสายพันธุ์ หลากสีสัน ชวนตื่นตา บางดอกขณะเดินผ่านถึงขนาดต้องดึงแขนคนใกล้ตัวให้หันมามองว่ามีดอกทิวลิปแบบนี้ด้วย ต้องชมกันเลยว่าชาวดัชท์ช่างขยันพัฒนาสายพันธุ์กันจริง มีครบแทบจะทุกสี สีส้ม สีเหลือง สีแดง สีขาว สีชมพู สีม่วง กระทั่งสีเขียวก็มี แต่ที่หาไม่เจอคือสีดำ ด้วยโชคไม่ดีที่ช่วงเวลาที่ไปเยือนนั้น ทิวลิปดำยังไม่ออกดอก แต่สีที่ไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาคือสีฟ้า ยังไม่มีใครผสมทิวลิปสีฟ้าได้…. แต่ เชื่อเถอะ หลังจากกวาดสายตามองดอกทิวลิปทั่วโรงเรือน อีกไม่นานชาวดัชท์จะต้องผสมพันธุ์ดอกทิวลิปสีฟ้าได้แน่ๆ
รูปทรงดอกทิวลิปเมื่อมีการพัฒนาสายพันธุ์มากเข้า รูปลักษณ์จึงมีหลากหลาย ทั้งแบบรูปถ้วยที่แย้มบานเพียงนิดกระทั่งบานเกินเลยความเป็นถ้วย ก็มีให้เห็น
ที่รูปทรงแปลกตาจนจำได้แม่นต้องยกให้กลุ่มที่เรียกว่า Parrot กลีบดอกทิวลิปกลุ่มนี้จะหยิกเป็นคลื่น มีลวดลายสีเป็นริ้วสดใส มองเผิน ๆ คล้ายสีสันของนกแก้วสมชื่อ และกลุ่ม Fringed ที่ขอบดอกจะเป็นเส้นขุ่ย ๆ แปลกดี เห็นแล้วชวนนึกถึงชุดของพวกคนป่า
ถัดจากโรงเรือนดอกไม้…. เห็นลิบๆ แต่ไกลคือกังหันลมภายในสวน ด้านหน้ากังหันลมเป็นลานกว้าง มีการแสดงของกลุ่มผู้สูงอายุชายหญิงในชุดเครื่องแต่งกายพื้นเมือง เล่นดนตรี ร้องเพลงและเต้นรำช่วยสร้างสีสันและบรรยากาศให้กับสวน กลายเป็นมุมพักผ่อนนั่งชมการแสดง ขณะที่กังหันลมที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นหอชมวิวที่นักท่องเที่ยวพากันเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมสวนในมุมกว้าง และด้วยตำแหน่งที่ตั้งของกังหันอยู่ชิดติดขอบสวน ทำให้มองออกไปด้านนอกเห็นท้องทุ่งกว้างที่ลงต้นทิวลิปไว้สุดหูสุดตา
สวนแห่งแรงบันดาลใจ
ใกล้ๆ กับโซนกังหันลม เป็นโซน Inspiration Gardens สวนแห่งแรงบันดาลใจที่เชิญนักออกแบบทำการออกแบบตกแต่งสวนในรูปแบบต่าง ๆ มุมนี้แหละเป็นมุมที่แอบเก๋ด้วยไอเดียที่น่าสนใจ ถึงตอนนี้ คอเคนฮอฟทำให้นึกถึงบรรยากาศของความเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา
“สวน” และ “พิพิธภัณฑ์”
สถานที่ทั้งสอง มีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ
นั่นคือต้องการการบำรุงรักษา ปรับเปลี่ยน และจัดวางการแสดง จัดนิทรรศการที่ให้ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้คนที่เคยแวะมาเยี่ยมชมแล้ว แวะเวียนกลับมาอีก เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ และเสพความงาม
จากกังหันลม คราวนี้เริ่มเข้าสู่โซนที่สวยหวานที่สุดของสวน เป็นโซนที่อยู่ติดริมสระน้ำ ภูมิทัศน์บริเวณนี้ลงตัวและงดงามเป็นที่สุด มีทั้งไม้ใหญ่ร่มรื่น ดอกไม้สีสันสดใสราวผืนพรม และสายน้ำที่นุ่มนวล เป็นบริเวณที่หวานทุกมุมมอง หวาน จนแทบจะละลายอยู่ตรงนั้น
กำลังหวานๆ อารมณ์สวนเปลี่ยนไปอีกแล้ว ฉันว่า คนวางผังสวนเคอเคนฮอฟเก่ง เปลี่ยนอารมณ์สวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนเข้าชมสวนไม่รู้สึกเลี่ยน หรือเอียนไปเสียก่อน กำลังหวานอยู่ดี ๆ คราวนี้เปลี่ยนเป็นสนุกและมีอารมณ์ขัน มีการทำทางเดินก้าวกระโดดลงไปในน้ำ ให้นักท่องเที่ยวได้ปรับเปลี่ยนอิริยาบท มีกิจกรรมเบา ๆ ให้ทำ แถมระหว่างทาง ยังมีรูปปั้นประดับสวนที่เน้นสีสันสดใส ชวนให้รู้สึกอารมณ์ดี
ในที่สุดก็เดินวนกลับมาถึงประตูทางออกสวน….. ทว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนกลับออกไป ใกล้บริเวณทางออกมีอาคารเล็ก ๆ ในนั้นมีนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของดอกทิวลิป…. ชื่นชมเจ้าดอกทิวลิปมาจนเต็มอิ่ม อย่าเพิ่งหลงเชื่อเชียวว่าดอกทิวลิปมีถิ่นกำเนิดที่ฮอลแลนด์หรือประเทศในยุโรป
แล้วดอกทิวลิปมีถิ่นกำเนิดจากไหนกัน ?
เอเชียตอนกลาง บริเวณตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลายา คือคำตอบ ก่อนที่จะได้รับความนิยม ชื่นชอบจากชาวตุรกีนำไปปลูกประดับในสวน กระทั่งแพร่หลายอวดความงาม กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไปในที่สุด