เราก็ดีใจที่เห็น SAMSUNG Jet Bot มาถูกทางเมื่อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเจนล่าสุดติดตั้ง LiDAR ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการอัพเกรดอีกหลายรายการ เช่น มี Clean Station ถังทิ้งฝุ่นอัตโนมัติ และแปรง Main Brush ออกแบบใหม่ประสิทธิภาพสูง หลังจากทดสอบใช้งานมา 1 เดือน เราก็จะมารีวิวให้ทุกท่านได้เลือกใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นดีๆ ไปใช้งานกัน
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น SAMSUNG Jet Bot เจนล่าสุด
สำหรับปี 2021 SAMSUNG ได้ออกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาทั้งหมด 2 โมเดล ได้แก่
- Jet Bot AI+ Robot with Jet AI Object Recognition
นอกจากมี LiDAR แล้วยังมีกล้อง Ai สามารถรู้ได้ว่าวัตถุข้างหน้าเป็นอะไรแล้วหลีกเลี่ยง
– ฿39,990-45,990 - Jet Bot+ Robot LiDAR Sensor
ตัวที่เรารีวิววันนี้มี LiDAR ขนาดแบนกว่าตัวบน ทำให้เข้าชั้นวางทีวี หรือใต้อุปกรณ์บางอย่างได้
– ฿21,939.00 - Jet Bot Robot LiDAR Sensor
เหมือนตัวที่ 2 แต่ไม่มีถังทิ้งขยะอัตโนมัติ Clean Station
– ฿15,841.00 - ซื้อและดูรายละเอียดได้บน เว็บไซต์ Samsung.com
- ถุงขยะ Auto Dust Disposal Bag : 5 ถุงราคา ฿340
มีหุ่นยนต์ฉลาดๆ 1 ตัว ดีกว่ามีหุ่นไม่ฉลาด 10 ตัว
เพราะการที่เรามีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นไม่ฉลาดเท่ากับการมีภาระที่ต้องดูแลเพิ่ม วันนึงต้องมาแก้ปัญหา ติดสายไฟ มุดเข้าห้องน้ำ ออกจากขาโต๊ะไม่ได้ สุดท้ายทำความสะอาดไม่ทั่วบ้านอีก
ชีวิตมีหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์ คือ การปล่อยให้หุ่นสามารถทำความสะอาดโดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันเลยได้นานๆ ยิ่งนานเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้ชีวิตสะดวกมากขึ้น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นฉลาดๆ จึงเป็นสิ่งที่อยากแนะนำ ลงทุนตัวเดียวให้ดีไปเลย ดีกว่าซื้อหุ่นไม่ฉลาดหลายตัว
หุ่นฉลาดก็ต้องประกอบด้วย อัลกอริทึมที่ดี + ระบบนำทางที่ดี
Jet Bot+ Robot LiDAR Sensor
มีเทคโนโลยีอะไรบ้างในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้
- LiDAR Sensor
- แปรง Main Brush ประสิทธิภาพสูง
- Clean Station ถังทิ้งขยะอัตโนมัติ
- Carpet Mode ปรับแรงดูดอัตโนมัติเมื่อขึ้นพรม
- กล่องดักฝุ่นขนาดใหญ่ถอดล้างได้
- ฟิลเตอร์อากาศขาออกกรองฝุ่นที่ล้างน้ำได้
- ดูแผนที่และการทำงานผ่าน WIFI แบบ Realtime
- Selected Zone เลือกทำงานเฉพาะจุดหรือเฉพาะห้องได้
- No-Go Zone กั้นบริเวณห้ามทำความสะอาดในแอปได้
- พูดภาษาไทยได้
- งานออกแบบและงานประกอบทำดีมาก
LiDAR ระบบนำทางดีที่สุดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
LiDAR (Light Detection and Ranging) เป็น sensor ที่ใช้วาดแผนที่ห้องและวัดระยะด้วยแสงที่แม่นยำ ก้อนกลมๆ ที่ติดตั้งอยู่ส่วนบนของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ใช้แค่ในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นที่ดีๆ แต่ยังเป็นเทคโนโลยีสำหรับอากาศยานและรถยนต์ไร้คนขับบางรุ่น
ข้อดีของ LiDAR ที่ดีกว่ากล้องคือ สามารถทำงานได้แม้ในที่มืดสนิท และการวัดระยะที่แม่นยำกว่าแบบ Real-time รอบตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ที่ไม่มี LiDAR จะเหมือนคนตาฟางต้องคอยเดินคลำทางมั่วๆ จนทั่วห้อง และถ้าว่ากันตามจริง มี LiDAR ก็ยังดีกว่าไม่มีมาก
ทำความสะอาดที่ละเอียดกว่า
ฟีเจอร์หนึ่งที่ค่อนข้างพีค เราคิดว่านี่เป็นจุดแข็งมากเลย แต่ไม่ได้บอกไว้บนเว็บไซต์ Samsung หรือจุดโฆษณาที่ไหนเลย คือ ทำความสะอาดเป็นตารางแบบตาราง
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวอื่นๆ ที่ฉลาดหรือมี LiDAR พอมันมองเห็นแผนที่ห้องชัดก็จะมักจะเดินเหยียบจุดเดิมเพียงครั้งเดียวเป็นรูปตัว S จุดไหนที่ดูดไปแล้วจะไม่กลับมาดูดซ้ำ แต่สำหรับ Jet Bot ตัวนี้ดูดฝุ่นแบบละเอียดมาก จะทำงานเป็นตาราง ทำให้หนึ่งจุดจะได้รับการดูด 2 รอบ
แปรงประสิทธิภาพสูง (Mainbrush)
คำโฆษณา: ทำความสะอาดพรมกับพื้นวัสดุเนื้อแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม และมีเศษไปพันแปรงน้อยลง ตัวแปรงเป็นเส้นใยละเอียดที่ทำมาจากสิ่งทอนุ่ม ๆ ที่มีส่วนผสมของวัสดุเงินต้านไฟฟ้าสถิต ส่วนเครื่องแยกประสิทธิภาพสูงก็จะช่วยบดเส้นขนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ไปติดพันรอบ ๆ แปรง
การใช้งานจริง: ตัว Mainbrush นี่ดีจริงเกินคาด แปรงที่หน้าตาดูขนนุ่มๆ นี้ไม่มีท่าทีว่าจะมีปัญหาแม้แต่บ้านที่มีขนสุนัขหรือเรียกว่าไม่มีปัญหาเลยจะดีกว่า หลังใช้งานมาเป็นเดือน ก็ยังสภาพดีไม่มีเส้นผมพันตัวแปรงเลยสักนิด
Clean Station
คำโฆษณา: เทถังฝุ่นทิ้งทุก ๆ 1-3 เดือนได้อย่างสะดวกสบายและถูกสุขอนามัย
การใช้งานจริง: ใช้มา 1 เดือนยังไม่เต็มเลย ใช้จนลืม การถอดถุงขยะเข้าออกไม่ยากหลังจากเรียนรู้แล้วก็สบาย ตอนดูดขยะเข้าถุงเสียงดังหน่อย ใช้เวลาประมาณ 10 วินาที สัปดาห์แรกหมาตกใจทุกวันเลย หลังจากนั้นก็ชิน
ถุงขยะออกแบบมาทำงานร่วมกับ filter ระดับ PM2.5
ฝุ่นไม่มีเล็ดลอดออกมา เมื่อทำงานร่วมกันกับถุงขยะ Auto Dust Disposal Bag สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 5 ถุง ฿340 บาท ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่จุด แต่ใช้ลืมอย่างที่บอก ถึงวันเขียนรีวิวนี้ยังไม่เต็มเลย ดูรายละเอียดและซื้อได้ที่นี่
https://www.samsung.com/th/home-appliance-accessories/vca-adb90-filtration-vca-adb90/
Carpet Mode ปรับแรงดูดอัตโนมัติเมื่อขึ้นพรม
การใช้งานจริง: ทำได้จริง เปลี่ยนโหมดเอง ทำงานรวดเร็ว ไม่ติดขัด เมื่อพ้นพื้นที่พรมก็ลดแรงดูดลงมา ช่วยให้พรมสะอาดได้ดีเลย
ถังเก็บฝุ่นที่ล้างได้ทุกส่วน
คำโฆษณา: ให้กล่องดักฝุ่นของคุณสะอาดอย่างถูกสุขอนามัยได้อยู่เสมอพร้อมขจัดฝุ่นออกจากหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นได้อย่างง่ายดาย กล่องดักฝุ่นขนาด 0.3 ลิตรนั้นสามารถถอดล้างได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นกล่องดักฝุ่นของคุณจะคงความสะอาดอย่างถูกสุขอนามัยได้อยู่เสมอ
การใช้งานจริง: สิ่งนี้จำเป็นมาก ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เพราะ filter คืออุปกรณ์ที่ราคาอะไหล่ไม่ถูกเหมือนถุงขยะ ดังนั้นการที่สามารถล้างได้ก็ช่วยได้เยอะเลย ในส่วนถังเก็บฝุ่นมีขนาดใหญ่แล้วเมื่อใช้ร่วมกับ Clean Station ยิ่งดูดออกทุกครั้งที่ขึ้นไปชาร์จ ทำให้ไม่มีวันเต็ม นานๆ ทีก็เอามาล้างทำความสะอาดบ้าง งานหลักคือรอวันที่ต้องทิ้งถุงขยะก็นานพอกัน
ถังเก็บฝุ่นที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเลย แต่เราอยากเปิดให้ดูว่ามันเกลี้ยงกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ไม่มี Clean Station แค่ไหน การใช้งานจริงเราเห็นฝุ่นแค่เล็กน้องเท่านั้น เพราะมันถูกดูดออกทุกวัน ทั้งชิ้นนี้ล้างน้ำได้หมดเลย สะดวกมาก (ต้องตากแห้งสนิทก่อนใช้งาน)
ใช้ Smartphone เป็นรีโมทควบคุมได้ง่าย ๆ
คำโฆษณา: ควบคุมและเฝ้าดู Jet Bot ได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยการควบคุมผ่าน Wi-Fi ที่ดีกว่าเดิม ด้วยแอป SmartThings* คุณสามารถกำหนดตารางการทำความสะอาดห้องที่เลือกหรือกำหนดบริเวณห้ามทำความสะอาดเสมือนจากที่ไหนก็ได้ และคุณยังสามารถเฝ้าดูสถานะการทำความสะอาดเพื่อดูว่าหุ่นยนต์กำลังทำความสะอาดตรงไหนอยู่ได้แบบเรียลไทม์ด้วย Jet Live
การใช้งานจริง: แอปถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถวางแผนและควบคุมกั้นกำแพง ตั้งเวลา แบ่งโซนห้องได้หมดเลย เปลี่ยนให้หุ่นยนต์พูดภาษาไทยได้ในแอปด้วยตัวเอง เรียกว่ามีครบของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นชั้นนำเลย แถม interface ก็ใช้งานง่าย
การตั้ง No-Go Zone บริเวณห้ามทำความสะอาด ก็เป็นส่วนที่ช่วยให้สะดวกขึ้นมาก เช่น ห้ามเข้าห้องน้ำ หรือห้ามเข้าบริเวณที่รกมากจนวุ่นวาย
แต่จุดที่ไม่พบคือ ไม่สามารถเรียงลำดับการทำความสะอาดห้องตามใจเราได้ หุ่นยนต์จะเป็นคนดูภาพรวมแล้วเลือกเอง
ติดตามการทำความสะอาดได้แบบ Real-time: ทำได้จริง
เรื่องการออกแบบต้องยกนิ้วให้ SAMSUNG ทรงพ่อบ้านเกาหลีมาก ไม่เพียงฉลาด ทำงานละเอียด แต่ยังหล่อทุกมุมมองเลย เหมือนกับของแต่งบ้านอีกชิ้นหนึ่ง
คำถามที่พบบ่อยกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
Q: ใช้กับบ้านที่มีหมาขนเยอะได้ไหม
A: สบายมาก บ้านผู้รีวิวเลี้ยงสุนัข Shetland Sheepdog เป็น Double Coat มีทั้งขนยาวและขนแบบสำลี แต่กับ Main Brush นุ่มๆ ที่ออกแบบมาใหม่ดีจริง ไม่มีขนติดเลย คอนเฟิร์มว่าบ้านเลี้ยงหมาใช้ได้สบาย
Q: ทำงานในที่มืดได้ไหม
A: เทคโนโลยี LiDAR ทำให้ทำได้ปกติแม้มืด 100%
Q: ของรกบ้านไม่ได้เก็บใช้งานได้ไหม
A: ได้ ถ้าหากจุดไหนเกิดปัญหาจริงๆ สามารถกั้น No-Go Zone ในแอปได้เลย
Q: ใช้งาน 2 ชั้นได้ไหม
A: ได้ ซอฟแวร์ในแอปรองรับการจดจำแผนที่แบบหลายชั้นไว้อยู่ เวลาเอาไปใช้อีกชั้นมันก็จะรู้เอง แต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะคุณต้องเดินอุ้มขึ้นอุ้มลงเอง วุ่นวายนิดนึง ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั้งโลกยังขึ้นบันไดเองไม่ได้เช่นกัน
ดูแลง่ายกว่าหุ่นยนต์ทั่วไป
เพราะ SAMSUNG Jet Bot+ นี้คอยดูดฝุ่นออกเข้าถังขยะอยู่เสมอ ทำให้เหมือนได้ทำความสะอาดตัวเองอยู่ตลอด แถม Mainbrush ที่ออกแบบดี ไม่พบเส้นผมเส้นขนติดตามแปรง จึงไม่ค่อยจำเป็นต้องดูแลเท่าไหร่นัก จากการทดลองใช้มา 2 เดือน ถ้าวาดแผนที่ดีๆ แล้วก็ไม่ต้องยุ่งอะไรกับหุ่นยนต์เลย ประหยัดเวลามาก
จุดสังเกตในหุ่นยนต์ตัวนี้
- แบตเตอรี่อาจน้อยสำหรับอัลกอริทึมการทำความสะอาดเป็นตารางจุดละ 2 รอบแบบนี้ ถ้าเป็นบ้านขนาดใหญ่อาจจะทำได้ไม่ครบ แต่หุ่นยนต์ก็ฉลาด สามารถวนกลับมาชาร์จตัวเองแล้วค่อยไปทำงานต่อในจุดที่ทำค้างเอาไว้ได้
- Side Brush ย้วยง่ายไปนิด หลังจากใช้มา 1 เดือน Sidebrush ที่เป็นแบบเปรงขนไนล่อนเริ่มจะย้วยตามแรงหมุนให้เห็น
สรุป:
SAMSUNG Jet Bot+ เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น “ฉลาด” อีกตัวหนึ่งที่น่าลงทุน การทำงานดูดไขว้แบบซ้ายขวาบนล่าง ทำให้แต่ละจุดจะถูกดูด 2 รอบ ทำให้พื้นห้องสะอาดมากกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นฉลาดหลายยี่ห้อ แต่เรื่องแบตเป็นข้อจำกัดตามที่พูดไป จึงเหมาะมากที่จะใช้ Samsung Jet Bot+ ในบ้านทันสมัยขนาดเล็ก-กลาง หรือในคอนโด
ใช้ได้ดีเยี่ยมกับคนเป็นภูมิแพ้ (มีถัง Clean Station) ไม่ต้องสัมผัสฝุ่นด้วยตัวเอง และคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็ทำความสะอาดขนได้ไม่ติดแปรง
Official Website & Where to buy:
https://www.samsung.com/th/vacuum-cleaners/robot/vr8500t-white-vr30t85513w-st/