ในช่วงเวลาเพียง 6 ปี จาก Management Trainee คุณนัทธฤทัย ธนะภูมิกุล หรือเอมมี่ ได้ฟันฝ่าอุปสรรคทุกรูปแบบและในวัยเพียง 29 ปี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทั่วไประดับแถวหน้าที่อายุน้อยที่สุดของโรงแรมในเครือระดับโลก InterContinental Hotels Group (IHG)
มาเรียนรู้จากประสบการณ์ของเธอว่าความสำเร็จที่รอคอยนั้นอาจไม่ได้มาด้วยหนทางที่เรียบง่ายแต่เอื้อมถึงได้ด้วยใจรักในสิ่งที่ทำและความไม่ย่อท้อต่อต่อสิ่งท้าทาย มุมมองของเธออาจสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเราได้เป็นอย่างดี
1. ค้นหาตัวเองอย่างไรจึงทราบว่าเรารักและเหมาะกับงานนี้
จริงๆ เป็นคนชอบโรงแรมตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ เวลาคุณพ่อคุณแม่พาไปเที่ยวแล้วได้วิ่งเล่นในล๊อบบี้ที่มีโคมไฟระย้า ใหญ่ๆ สวยๆ จะมีความสุขมาก และก็คิดเสมอตั้งแต่เด็กเลยว่าถ้าโตขึ้นอยากทำงานในโรงแรม อยากเดินใส่สูทสวยๆ ดูแลโรงแรม และก็คุยกับคุณแม่ตลอดเวลาถ้าอยากทำงานด้านนี้ควรเรียนด้านไหน อย่างไร ก็เลยได้เรียนด้าน บริหารการโรงแรม และ ทำให้สิ่งที่อยากทำค่ะ
2. ปัญหาอะไรบ้างที่เจอระหว่างทางที่ทำให้ท้อได้มากที่สุด และสุดท้ายก้าวข้ามผ่านมาอย่างไร
ปัญหามันเจอมาตลอดนะคะ ท้อบ่อยๆ แต่ไม่เคยถอยเลยค่ะ คิดว่าไม่มีปัญหาไหนที่จะทำให้เราตายได้ มีแต่เหนื่อยกว่าจะข้ามมันมาได้ แต่พอตอนนี้ย้อนกลับไปมอง กลับหัวเราะแล้วบอกว่าปัญหาแค่นี้ สบายมาก เครียดทำไม… มันทำให้เอมมี่คิดตลอดเลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เจอปัญหา เอมมี่จะคิดว่ามันคือ เกมค่ะ ยิ่งเกมนั้นด่านยิ่งยากแค่ไหน เลเวลก็สูงมากเท่านั้นค่ะ
3. มีเป้าหมายในการทำงานหรือไม่ วางเป้าหมายอย่างไรและเดินตามมันอย่างไร ทำอย่างไรเมื่อสิ่งที่หวังไม่เป็นไปตามที่หวัง
เป้าหมายเอมมี่มีนะ แต่มันจะขยับขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเอมมี่ใกล้ที่จะสำเร็จในเป้าหมายแรกที่ตั้งไว้ค่ะ คือเอมมี่คิดเสมอว่าตอนเรียนการโรงแรม ตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดก็ General Manager ของโรงแรมในเครืออินเตอร์ ที่เป็นที่รู้จักกว้างขว้างถือว่าเป็นที่สุดแล้ว ก็วางเป้าไว้ว่า จะเป็น General Manger ให้ได้ ทีนี้อะไรอีกละที่ท้าทายกว่าการได้เป็น GM ก็คงเป็น GM ที่เป็นผู้หญิง และต้องเป็นก่อนอายุ 30 คือตั้งเป้าไว้เลย ตั้งแต่เรียนว่า ทำยังไงก็ได้ให้คนอื่นเห็นศักยภาพ และได้มาซึ่งเป้าหมายนั้นๆ พอตอนนี้ได้เป้าหมายนั้นแล้ว ก็ตั้งเป้าใหม่ อยากเป็น Area General Manager เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นในสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อนค่ะ ส่วนเวลาที่หวังแล้วไม่ได้ตามหวังก็มีบ่อยค่ะ แต่สิ่งที่เอมมี่คิดและทำเสมอก็คือหาแรงบันดาลใจเพิ่ม หาทางออกของสิ่งเหล่านั้น และเริ่มทำใหม่ค่ะ คือมันก็อาจจะมีเวลาเสียใจนะคะ แต่เอมมี่ก็ให้เวลาตัวเองร้องไห้เสียใจได้แค่ วันเดียว วันถัดไป เอมมี่ก็กลับมาสู้ใหม่ และคิดเสมอว่ามันจะมีทางออกที่ปลายอุโมงค์ทุกครั้งค่ะ
4. นิยามคำว่าประสบความสำเร็จของตัวเองคืออะไร
ประสบความสำเร็จของเอมมี่คือการได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจค่ะ คือแค่ตามฝัน ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ และที่บ้านภูมิใจ เอมมี่ว่ามันก็ประสบความสำเร็จแล้วค่ะ
5. สิ่งใดเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้ก้าวมาถึงจุดนี้
Passion ล้วนๆ เลยค่ะที่เป็นตัวขับเคลื่อน เอมมี่คิดตลอดว่าถ้าเราทำในสิ่งที่รัก มันจะไม่ใช่งานหนัก มันจะทำให้เราอยากทำให้ได้ผลลัพธ์ดีๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารักค่ะ และยิ่งทำในสิ่งที่รักมันจะเหมือนว่าเราไม่ต้องทำงานเลยสักวัน
6. ปัจจัยสำคัญสำหรับความสำเร็จในปัจจุบันคืออะไร
น่าจะเป็นความอดทน ความหมั่นเพียร ความตั้งใจ และความอยากรู้อยากเรียนของเอมมี่ เมื่อไหร่ที่เรามีครบทุกอย่างนี้ และเรามีความพร้อมที่จะก้าวไปบนจุดที่สูงกว่า หากมีโอกาสที่ดีๆ ผ่านเข้ามา เราจะได้คว้าไว้อย่างไม่ลังเลค่ะ สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เอมมี่มายืนจุดนี้ได้ค่ะ
7. คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มเริ่มทำงาน
อย่ากลัวงานยาก และงานหนัก when you get your hands dirty, you will learn more than those who never get their hand dirty. (เมื่อยอมทำงานหนักจนมือเราสกปรก เราจะเรียนรู้ได้มากกว่าคนที่ไม่เคยปล่อยให้มือสกปรก) ความอยากรู้อยากเรียนและความตั้งใจจะทำให้เราได้มาซึ่งประสบการณ์ดีๆ และที่สำคัญถ้าเราเป็นคนมีความอดทนและตั้งใจแน่วแน่แล้ว ไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราทุกคนค่ะ เอมมี่เชื่ออย่างนั้น
สุดยอดจริงๆ กับมุมมอง แง่คิด และการหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้ตลอดและไม่ยอมหยุดที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะเดินตามความฝัน หวังว่าบทสัมภาษณ์ของคุณเอมมี่จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้เราตั้งใจทำงานและเดินตามความฝันกันอบย่างไม่ย่อท้อนะคะ