5 ทริคต้องรู้! ก่อนไปเที่ยว New York ที่ทำให้ประหยัดเงินไปได้กว่าครึ่ง!

• Facebook
• Twitter
• Line

หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน การท่องเที่ยวไม่ได้รู้สึกว่าง่ายดายเหมือนทุกวันนี้ และยิ่งถ้าเป็นทริปที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงอีกซีกโลกอย่างอเมริกา ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำก็ทำได้แน่ๆ ทั้งเรื่องราคาที่แพงแสนแพง เรื่องวีซ่า เรื่องที่อยู่ การเดินทาง และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่ต้องคิดล่วงหน้า และหากจะไปท่องเที่ยวที่ไกลๆ ถึงอเมริกาล่ะก็ คงต้องวางแผนกันเป็นปีๆ เลยทีเดียว

แต่วันนี้ด้วยเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง มีความสะดวกสบายขึ้นมาก และทำให้ผู้บริโภคอย่างเรามีตัวเลือกที่เหมาะกับบัดเจ็ทของเราเพิ่มมากขึ้น การเดินทางไปเที่ยว ไม่ว่าจะที่ไหนในโลกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เฮ้! แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การได้ทราบทริคดีๆ บางอย่างก็จะไม่ทำให้เราต้องเจ็บใจกับการเสียเงินไปโดยใช่เหตุ ทั้งที่สามารถเก็บไปช้อป ไปชิม ไปชิลเพิ่มขึ้นได้อีกเยอะเลย

5 ทริคดีๆ ณ เมืองนิวยอร์ก ที่จะช่วยให้เราประหยัดได้มากขึ้น

1. เลือกที่พักให้ประหยัด

ถ้าจะให้ดีที่สุด มีพี่น้อง เพื่อน ญาติ ที่เค้าเต็มใจให้เราอาศัยได้ ก็ตัวเลือกนี้เลยค่ะ ประหยัดไปได้แบบสุดๆ หรือถามต่อๆ กันไปแล้วมีคนให้เราเช่าได้ชั่วคราวในราคาประหยัด ก็เป็นตัวเลือกที่ 2 ค่ะ ตัวเลือกที่ 3 ก็จะเป็น Air BnB แต่อันนี้ก็ต้องดูเนิ่นๆ และอย่าคิดนานค่ะ เพราะไปเร็วมาก แนะนำว่าอยู่ Manhattan ดีที่สุดค่ะ เพราะเป็นศูนย์กลาง

ซึ่งก็จะมีหลายย่าน ย่านที่ไม่แนะนำก็คงเป็น Harlem กับ Bronx ซึ่ง Air BnB ราคาถูกจะอยู่ย่านนี้ซะเยอะมาก แต่คนที่นู่นจะไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ ในเรื่องของความปลอดภัย เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง โรงแรมที่ราคาถูกส่วนใหญ่ก็จะอยู่ China Town ซึ่งจริงๆ ย่านนี้ก็มีแหล่งชิคๆ อยู่รอบๆ และเดินไปมาสะดวก จะมีห่วงนิดหน่อยก็จะเป็นเรื่องความสะอาด

หรือจะเลือกดูตัวเลือกใน Hostel International ซึ่งอาจจะไม่ได้ถูกที่สุด และไม่สะอาดที่สุด แต่เรื่องความสะดวกให้ผ่านค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเรื่องงบที่พักไม่ใช่ปัจจัย ก็สบายโลดค่ะ มีตัวเลือกมากมาย ราคาเริ่มตั้งแต่ 8,000 บาทต่อคืนเป็นต้นไปค่ะ

หากว่าจะลองพื้นที่อื่นๆ ก็แนะนำว่าอย่าไกลจาก Manhattan มากไปค่ะ ถ้าไปทาง Brooklyn ก็ควรอยู่ใกล้สะพานเข้าไว้คือย่าน Dumbo หรือหากไปทาง Jersey ก็แนะนำ Hoboken เพื่อความสะดวกในการเดินทาง

2. วางแผนเที่ยวแต่ละวัน

เมื่อมาถึงแล้ว สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวอาจจะอยากมองหาเลยคือซิมการ์ด แต่ขอให้ลองมองข้ามไปก่อนนะคะ ถ้าจำเป็นจริงๆ ค่อยซื้อดีกว่า เพราะที่นิวยอร์กมี Wifi ฟรีทุกที่ที่ไปค่ะ

เรื่องการเดินทางค่ารถไฟ Subway ปัจจุบันราคา 3 ดอลล่าร์ ต่อเที่ยว หากไปไหนคนเดียวหรือ 2 คน ควรวางแผนเที่ยวเป็นย่านๆ ค่ะ นั่งรถไฟไปถึงย่านที่จะเที่ยว และนั่งกลับมากสุดให้ไม่เกินวัน 2 รอบ ถ้าทำได้ และถ้าชอบเดิน แนะนำว่าเดินได้เลยค่ะ รับรองว่าไม่หลง Manhattan จริงๆไ ม่ใหญ่มาก และแปลนถนนเป็นระเบียบมาก มาร์คจุดเที่ยวให้เป็นกระจุกๆ แล้วก็จัดไปเป็นวันๆ ไม่เปลืองค่าเดินทางแน่นอนค่ะ

แต่ถ้าไปมากกว่า 3 คน ถ้าต้องเดินทาง หาแอพเรียกแทกซี่ก็อาจจะถูกกว่าการใช้รถไฟใต้ดิน เพราะมีแอพที่ชื่อ Lyft จะใกล้ไกลใน Manhattan ก็จะราคา 8 ดอลล่าร์ค่ะ

นอกจากนี้ ถ้าอยากจะลองใช้จักรยาน ก็เป็นที่นิยมในหมู่ชาวเมือง New York ไม่น้อยเลยทีเดียว มี Citi Bike มากมายหลายจุดทั่วเมืองที่จะเป็น flat rate สำหรับนักท่องเที่ยว ราคา 12 ดอลล่าร์ ต่อ 24 ชั่วโมง โดยกติกาคือต้องเอาจักรยานเข้าจอดที่จุดจอดทุกๆ 30 นาที ดังนั้นจะต้องวางแผน route การปั่นดีๆ ค่ะ ถ้าเอาไปจอดไม่ทันจะโดนปรับ 4 ดอลล่าร์ ทุกๆ 15 นาที

การเช่าจักรยานจะเหมาะสำหรับการปั่นรอบๆ เกาะ Manhattan ซึ่งจะมีทางจักรยานให้สะดวกสบายในวันอากาศดีๆ (แต่แดดแรงมากค่ะ กันแดดไปเยอะๆนะคะ)

แต่อีกตัวเลือกนึงสำหรับนักปั่นที่ไม่อยากกังวลเรื่องเอาจักรยานเข้าจุดจอดทุกๆ 30 นาที อาจจะทำให้เสียอารมณ์ในการปั่น การจอดถ่ายรูป อาจจะเจอจุดนั่งชิลล์ที่ถูกใจแต่ไม่สามารถเพราะต้องรีบเอาจักรยานไปเข้าจุดจอด แบบนี้ก็ไม่สนุกนะคะ จัดการปัญหานี้ได้โดยการ log in เข้า Groupon.com แล้วซื้อดีลเช้าจักรยานรายวันเลยค่ะ ที่พบมาจะลดจาก 30 หรือ 35 ดอลล่าร์เหลือ 17 ดอลล่าร์ ปั่นได้สบายใจ และต้องเอามาคืนก่อนร้านปิดประมาณ 2 ทุ่มนะคะ การปั่นรอบเกาะจริงๆ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ

เริ่มจาก Central Park ออกไปทาง Sunny Side ปั่นลงมาชม เทพีเสรีภาพ แล้วอ้อมไปชมสะพานบรุ๊คลิน ปั่นขึ้นไปเรื่อยๆ ซิกแซกไปตามถนน ชมผู้คน ร้านค้า ชีวิตชาวนิวยอร์ก จินตนาการฉากภาพยนตร์ที่เคยดูไปด้วย สนุกสนาน มีความสุขค่ะ อ้อ แต่ต้องระวังรถดีๆ นะคะ อย่างที่คงจะเคยได้ยินว่าชาวนิวยอร์กและแท็กซี่นิวยอร์กไม่ใช่คนขับรถที่ใจเย็นเลยล่ะค่ะ

3. การเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว

ข้อนี้สำคัญมาก (กอไก่ยาวๆ ไปเลยค่ะ) ท่านที่กำลังวางแผนไปเที่ยวนิวยอร์ก ห้าม!! ซื้อซิตี้พาสเป็นอันเด็ดขาดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพาสแบบไหนก็ตาม อยากเที่ยวไหน ไปซื้อเอาหน้างานค่ะ การซื้อพาสไม่มีคำว่าคุ้มหรือถูกกว่า ไปเที่ยวนิวยอร์กไม่ต้องการ Hop on Hop off Bus แต่อย่างใดค่ะเพราะสามารถเดิน, ใช้รถไฟ, จักรยาน หรือแท็กซี่ได้ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว หรือหากอยากจะใช้บริการ ก็มาซื้อที่หน้างานได้ค่ะ ราคาไม่ต่างกันและเผลอๆ จะได้ดีลดีกว่าด้วยค่ะเพราะแต่ละบริษัทก็จะต้องแข่งขันกันหาลูกค้าค่ะ

และการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เช่น The Met, Museum of Natural History, Guggenheim, Cloisters และอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวควรจะไปชมเมื่อมาถึงนิวยอร์กนั้นจริงๆ แล้วไม่เสียค่าเข้าที่ตายตัวแต่อย่างใดนะคะ ค่าเข้าที่ทางพิพิธภัณฑ์เก็บจะเรียกว่าแล้วแต่เราจะบริจาคให้ เพราะฉนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อพาสนะคะ เพียงเท่านี้ก็ประหยัดได้หลายร้อยดอลล่าร์เลยทีเดียว เพราะหากซื้อพาสนั้นค่าเข้าแต่ละที่ไม่ต่ำกว่า 30 ดอลล่าร์ต่อคน

นอกจากนี้ค่าลงเรือไปชมเทพีเสรีภาพ หรือพิพิธภัณฑ์คนเข้าเมืองที่ Ellis Island ซื้อพาส หรือมาซื้อหน้างาน ราคาไม่ต่างกัน ก่อนซื้อต้องดูดีๆ นะคะ จะมี เรือ 2 แบบ แบบที่จอดให้ลง กับแบบที่เพียงแค่ผ่านให้ชมค่ะ และหากวางแผนว่าจะเที่ยวทั่ง Liberty Island & Ellis Island เผื่อเวลาล่วงหน้าเยอะๆ นะคะ จะได้มีเวลาลงทั้ง 2 เกาะค่ะ

เรื่องคิวยาวไม่ต้องกังวลเลยค่ะ การรอขึ้นเรือไม่นานมาก และมาถึงในส่วนของการขึ้นตึกชมวิวอันนี้ต้องเสียค่าเข้าราคาตายตัว แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะเลือกเลยว่าจะขึ้นตึกไหน Empire State หรือ Top of The Rock ให้ความรู้สึกแตกต่างกันนิดหน่อย แต่ Top of The Rock วันที่ไปคนเยอะกว่ามาก ต้องไปจองเวลาขึ้นก่อนด้วยนะคะ ไปรอคิวซื้อตั๋วครั้งแรกอาจจะไม่ได้ขึ้นทันที

ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่อยากเสียค่าขึ้นเลย แนะนำว่าบน Top of The Rock มีบาร์ที่ให้วิวเดียวกันกับการเสียเงินขึ้นชั้นบนสุด เพียงแค่อาจจะไม่ได้เป็นวิวเปิดโล่ง แต่เสียแค่ค่าเครื่องดื่มก็ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วกลับไปกลับมาและได้ถ่ายรูปกับวิวสวยๆ ไม่แพ้กันเลยค่ะ อย่าลืมดูพยากรณ์อากาศกันก่อนขึ้นตึกด้วยนะคะ

4. การซื้อตั๋วหรือดีลสำหรับกิจกรรม

ถ้ามาเยี่ยมนิวยอร์กแล้วสนใจชมบรอดเวย์ราคาประหยัดลงก็อาจจะต้องขยันนิดนึงค่ะ ที่ Time Square จะมี Ticket Box ที่เราสามารถไปต่อคิวซื้อตั๋วบรอดเวย์วันต่อวันได้เค้าจะขายที่นั่งที่เหลืออยู่ค่ะ แต่ว่าไม่การันตีจริงๆ ว่าจะได้เรื่องที่เราอยากชม หรือจะได้ที่นั่งเลย แต่ไม่ลองก็ไม่รู้นะคะ

นอกจากนี้การลองเข้าไปชมเว็บไซต์ขายดีลต่างๆ ก็อาจจะได้ดีลดีๆ มาเช่น Groupon, Goldstar, Hottix.org สำหรับกิจกรรม อาหาร เครื่องดื่ม หรือโชว์ต่างๆ นะคะ อ้อ! และสำหรับใครที่ชื่นชอบรายการโทรทัศน์ของอเมริกาเช่น Jimmy Fallon หรือ Seth Myers หรือทอล์กโชว์ต่างๆ สามารถเข้าชมได้ฟรี! แต่ว่าต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้านานนิดนึง พร้อมกับต้องเขียนคำอ้อนวอนกันนิดนึงค่ะ อิอิ อารมณ์ว่าร๊ากรายการนี้ อยากได้มาชม มาไกลเพื่อสิ่งนี้ อะไรก็ว่ากันไปค่ะ เผื่อจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นค่ะ เข้าไปลงทะเบียนและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเดินทางที่ nbc.com นะคะ

5. การเลือกรับประทานอาหาร

สำหรับนักท่องเที่ยวเรื่องอาหารการกินก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยทีเดียวนะคะ อาหารที่นิวยอร์กก็มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่หากว่าจะคิดถึงอาหารจัดๆ ก็จะมีร้านอาหารไทยกระจายอยู่ทั่วๆ นะคะ แต่หากว่าอยากลิ้มลองอาหารอื่นๆ ก็มีให้เลือกมากมาย แต่ที่มีเยอะที่สุดก็จะเป็นอาหารประเภทแซนด์วิช Deli ซึ่งไม่ว่าจะมุมไหนของ Manhattan อาหารมื้อง่ายๆ แบบนี้ก็จะอยู่ที่ 5-10 ดอลล่าร์ค่ะ

ร้านอาหาร Deli นอกจากแซนด์วิชแล้วถ้าเป็นร้านใหญ่ๆ ก็จะมีบุฟเฟ่ต์ตักเอง ราคาตามน้ำหนัก หรือถ้าเป็น Deli ประเภท Coffee Shop ก็มีเยอะแยะเลยค่ะ เช่น Guy & Gallard, Pret a Manger ร้านพวกนี้ก็จะมี Grab and Go แนวเดียวกับ Starbucks และที่น่าสนใจอีกก็จะเป็นอาหารแม็กซิกัน และอาหารในร้าน ประเภท Diner ซึ่งสั่งทาน 1 มื้อ เก็บทานได้ 2 มื้อเลยค่ะ มันเยอะมากจริงๆ อิ่มกันยาวๆ

ถ้าทานไม่หมด อย่าลังเลที่จะขอกล่องห่อกลับค่ะบางร้านจะเอากล่องมาให้ห่อเอง แต่บางร้านก็จะนำไปห่อให้ค่ะ  ถ้าหากใครโชคดีได้ที่พักมีห้องครัวก็แนะนำว่าตื่นมาทำอาหารเช้าทานก่อนออกข้างนอกเลยก็ง่ายและประหยัดดีค่ะ

ซื้ออาหารเช้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่น Trader Joe’s และซื้อผลไม้จากร้านค้าที่พบเจอบนถนนนอกซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะถูกกว่า สด อร่อย เหมือนกันค่ะ

โดยรวมแล้วหากทานอาหารข้างนอก 1 มื้อจะอยู่ที่ 10 ดอลล่าร์มาตรฐานค่ะ บวกลบเล็กน้อย สำหรับการเดินทางแบบบัทเจ็ทนะคะ กาแฟมาตรฐานแก้วละ 3 -6 ดอลล่าร์ แล้วแต่ระดับของร้าน

เป็นยังไงบ้างคะ กับทริคต่างๆ ที่จะช่วยให้การวางแผนเที่ยวพร้อมพร้อมวางแผนการใช้บัดเจ็ทได้ง่ายยิ่งขึ้น หวังว่าคงเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจในการไปท่องเที่ยวที่ Big Apple กันนะคะ

• Facebook
• Twitter
• Line