ลำโพง Fender แบบสรุป
- แฟนคลับไม่ต้องแปลกใจถ้าไม่เคยเจอลำโพง Fender ขายที่ไหน เพราะสองตัวนี้เป็นลำโพงบลูทูธคู่แรกของ Fender
- นี่เป็นลำโพง Fender แท้ๆ ไม่ใช่แค่ OEM ซื้อลิขสิทธิ์ไปแปะโลโก้ นอกจากจะได้คุณภาพเสียงระดับตำนานวงการดนตรีแล้ว ยังเป็นระดับที่ แม้ไม่เปิดเสียง ลำโพง Fender ก็ยังสามารถสะท้อนตัวตนของเจ้าของได้
- ราคารุ่นเล็ก Newport™ 9,900 บาท รุ่นใหญ่ Monterey™ 15,900 บาท
ชอบดนตรีจะไม่รู้จัก Fender ได้ไง
หากจะรีวิวลำโพง Bluetooth สักตัว สิ่งที่ทำได้ก็คงต้องถ่ายภาพดีไซน์ของลำโพง โชว์ปุ่มคอนโทรล พูดถึงเสียงที่ไพเราะของมัน อัดคลิปเสียงให้คนทางบ้านดู เสียงที่ฟังยังไงก็ไม่น่าจะเข้าถึง เพราะต้องได้ยินผ่านลำโพงตัวอื่นอยู่ดี
ถ้าเป็นลำโพงทั่วไปก็คงรีวิวได้แบบนี้
ยกเว้นเมื่อมันติดโลโก้ “Fender”
ทำให้เรามีเรื่องราวเล่าให้ฟังเยอะขึ้นอีกนิดหน่อย
Fender
ประวัติศาสตร์อเมริกาคงเปลี่ยนไปหากไม่มีชื่อนี้
ลำโพง Fender ที่คุณเห็นนั้นเป็นแค่เพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งที่ผ่านประสบการณ์ ประวัติศาสตร์และชื่อเสียงของ Fender ซึ่ง Fender เป็นแบรนด์กีตาร์ เบส และอุปกรณ์ดนตรีระดับเทพเจ้า แม้จะมีกีต้าร์หลายยี่ห้อในโลก แต่ 2 ยี่ห้อที่นักดนตรีทั่วโลกส่วนใหญ่จะใช้คือ Fender และ Gibson เป็นยี่ห้อที่ศิลปินระดับตำนานนิยมใช้เยอะที่สุด ในเกือบทุกวงดนตรีจะได้เจอหนึ่งในคู่นี้ แต่ในเมื่อ Gibson และกีต้าร์เจ้าอื่นไม่ได้ทำลำโพง ดังนั้นวันนี้คงต้องให้ Fender เป็นตัวแทนจากวงการดนตรีที่เราจะมาเกริ่นถึงเรื่องราวของเขากัน
เริ่มต้น Fender เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งในปี 1938 โดย ลีโอ เฟนเดอร์ (Leo Fender) เป็นผู้ผลิตกีตาร์ไฟฟ้ารายแรกที่ใช้วิธีการผลิตแบบอุตสาหกรรม และยังได้เป็นผู้ผลิตเบสไฟฟ้าแบบลำตัวตันขึ้นเป็นเจ้าแรกอีกด้วย โดยที่กีต้าร์ Fender มีลักษณะออกแบบมาบนความเรียบง่าย แต่ครองใจมือกีต้าร์มานานกว่า 50 ปี และยังสร้างแรงบัลดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก
เพลง Cocaine จาก Eric Clapton ในวันที่ยังหนุ่ม
กีต้าร์ Fender Stratocaster ที่ใช้เล่นชื่อว่า “Blackie”
ซึ่งเป็นกีต้าร์ระดับตำนานภายหลังราคาสูงที่สุดในโลกอันดับที่ 6
กีต้าร์รุ่นเเรกที่ Fender ผลิตขึ้นคือรุ่น Telecaster หลังจากนั้นจึงมีรุ่น Stratocaster ซึ่งเป็นรุ่นกีต้าร์ที่สร้างชื่อให้กับ Fender อย่างเเท้จริง หลังจากนั้นมาสินค้าของ Fender ได้รับการยอมรับเป็นคู่ใจศิลปินจากทั่วโลกไม่ว่าจะ Eric Clapton ที่เปรียบเสมือนเป็น Fender Icon หรือ Jimi Hendrix, Steve Ray Vaughan, Buddy Guy, Kurt Cobain (Nirvana), Yngwie Malmsteen, Red Hot Chili Peppers และอีกมากที่ไม่สามารถลิสชื่อได้หมด เรียกว่าเกือบครึ่งของวงดนตรีทั่วโลก
คลิปชัดที่สุดของ Kurt Cobain วง Nirvana ที่ฆ่าตัวตายไปตอนอายุ 27 ปี เป็นการสูญเสียอย่างน่าเสียดายของวงการเพลง เขาเป็นศิลปินระดับ กรันจ์ ไอคอน ไม่มีวัยรุ่นอเมริกันคนไหนที่ไม่เคยฟังเพลง Smells Like Teen Spirit ของเขาผ่าน Fender Stratocaster
สำหรับวงการดนตรี Fender ไม่ได้เป็นเพียงตำนานเท่านั้น แต่ยังนิยมต่อเนื่องแม้ศิลปินรุ่นใหม่เช่น Ed Sheeran ศิลปินที่สร้างยอดผู้ฟังเพลง 40 ล้านครั้งต่อเดือนคนแรกบน Spotify แอพฟังเพลงยอดนิยมของโลก Ed Sheeran จัดว่าเป็นศิลปินดังในยุคปัจจุบัน แต่มี Eric Clapton เป็นแรงบัลดาลใจจนเขาหากีต้าร์ชื่อ Crash (Fender Stratocaster) เหมือนกับของ Eric Clapton ที่เคยใช้ขึ้นเวทีมากใช้ในคอนเสิร์ตเช่นกัน
Ed Sheeran เพลง Thinking Out Loud ที่ Amsterdam กับกีต้าร์ลาย Crash
นั่นเป็นเพียงเรื่องราวของศิลปินบางคนที่เป็นที่ชื่นชอบของหลายคน แม้ว่าศิลปินฝีมือระดับโลกอาจมีเป็นหมื่นวง แต่อุปกรณ์ที่ศิลปินเหล่านั้นใช้สร้างสรรค์ดนตรีมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ และ Fender ก็เป็นหนึ่งในผู้นำ จึงสามารถพูดได้ว่าเรื่องราวของ Fender แทบจะควบคู่ไปพร้อมกับตำนานดนตรีของโลกเลยก็ว่าได้
ใครจะรู้ว่า Adamวง Maroon 5 นอกจากร้องเพลงเก่ง ยังรี๊ดกีต้าร์ตัวพ่อเลย
ตัวนี้ก็ Fender Stratocaster
บังเอิญคลิปนี้พี่ก้องขึ้นมารี๊ดกีต้าร์ในรายการ
ซึ่งตัวนี้ก็ Fender Stratocaster
Bruno Mars ก็เป็นนักกีต้าร์ พูดถึง Fender Stratocaster เขาเล่น Fender เพราะกีต้าร์ตัวแรกที่พ่อซื้อให้คือ Fender Squier ที่ได้มาจากร้านเปิดท้ายขายของ แม้ Squire จะเป็นกีต้าร์ราคาประหยัดของ Fender แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปินระดับโลกอย่าง Bruno Mars เขานิยาม Fender ว่า “มันเป็นซาวน์ของอเมริกา”
และยังมีศิลปินอีกหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ร้องนำ แต่พวกเขาเหล่านี้ คือเหล่าผู้สร้างสรรค์ให้โลกนี้ดีขึ้นได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่าดนตรี
Music make the world a better place.
กีต้าร์ Fender
แพงที่สุดในโลก ราคา 90 ล้าน
“กีต้าร์ที่แพงที่สุดในโลก” ก็ยังเป็นกีต้าร์ยี่ห้อ Fender ที่มีราคาแพงได้ขนาดนั้นไม่ใช่เพราะเป็นกีต้าร์โบราณ แต่เป็นกีต้าร์สีขาวรุ่น Fender Stratocaster ที่มีลายเซ็นศิลปินระดับโลกหลายคนที่ยังมีชีวิต คือ Eric Clapton, Paul McCartney, Mick Jagger, Keith Richards, Brian May, Jimmy Page, David Gilmour, Jeff Beck, Pete Townsend, Mark Knopfler, Ray Davis, Liam Gallagher, Ronnie Wood, Tony Iommi, Angus & Malcolm Young, Sting, Ritchie Blackmore, Def Leppard และ Bryan Adams โดยเป็นการนำกีต้าร์นี้มาประมูลเพื่อนำเงินไปช่วยผู้ประสบภัยซึนามิในอินโดนีเซีย ครั้งแรกกีต้าร์นี้ถูกประมูลไปที่ 1 ล้านดอลลาร์ และในภายหลังก็ขายไปอีกที่ 2.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 90 ล้านบาท) สรุปว่ากีต้าร์รุ่นนี้ทำเงินเพื่อการกุศลไปแล้วเกินกว่า 120 ล้านบาทแล้ว เจ้านี่ชื่อ Reach out to Asia
นอกจากนั้น อันดับ 2 ก็เป็นของ Fender อีก ซึ่งเป็นกีต้าร์ของ Jimi Hendrix (1968 Stratocaster) ตกเป็นเจ้าของโดย Paul Allen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft ในราคา 66 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นกีต้าร์สั่งทำของ Bob Marley ยี่ห้อ Washburn 22-Series Hawk
แม้ศิลปินระดับโลกอย่าง Eric Clapton จะเปลี่ยนกีต้าร์ตัวใหม่ก็สบายๆ แต่หากย้อนมาดูสภาพเจ้า “Blackie” กีต้าร์ที่ถูก “ใช้จนพัง” ของ Eric Clapton คงจะทำให้เข้าใจความหมายของอุปกรณ์เหล่านี้ที่มีต่อศิลปินได้มากยิ่งขึ้น สำหรับเหล่าศิลปิน เขาตั้งชื่อให้มัน เขาใช้เวลาทั้งชีวิตกับมัน ซาวนด์ที่ไม่สามารถหาชิ้นไหนมาทดแทนได้ ใช้มันสร้างสรรค์ผลงาน timeless ท้าทายกาลเวลาที่ไม่อาจทำลายความนิยมบนโลกนี้ไปตราบนิรันดร์แม้นักประพันธ์อาจจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว
“Blackie” ถูกเก็บรอยความเยิน รอยพัง ทุกจุดไว้อย่างละเอียด เพื่อนำมาผลิตรุ่นก็อปปี้ ที่เยินเหมือนกันเป๊ะ พังแบบนี้ยังขายดีเสียอีกด้วย
เจ้า Blackie ตัวนี้เป็น Fender Stratocaster Hybrid นี่เป็นกีต้าร์ตัวที่ Eric Clapton ย้ายค่ายมาจาก Gibson หลังจากนั้นเค้าก็ใช้มันจนถึงวันที่ลาวงการเพราะมีปัญหาเรื่องคอ หลังปลดระวาง มันกลายเป็นกีต้าร์ที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกอันดับ 6 ของโลก ในราคาประมาณ 31 ล้านบาท
FENDER
บุคลิกเป็นสิ่งที่ทดแทนไม่ได้
แรกเริ่ม Eric Clapton ก็ใช้กีต้าร์ Gibson แต่ในปี 1970 ก็ย้ายค่ายมาใช้ Stratocasters ของ Fender หลังจากนั้นก็ใช้แต่ Fender เรื่อยมา น้อยครั้งมากที่จะศิลปินย้ายค่าย สำหรับศิลปินระดับโลกนั้นไม่ใช่เพียงแค่กีต้าร์ตัวไหนหรือยี่ห้อใดก็ได้ แต่เป็นเพราะ “บุคลิก” ทั้งเสียงและความรู้สึก เมื่อเล่นดนตรีแม้จะเป็นคอร์ดเดียวกันแต่มันไม่สามารถทดแทนกันได้
ทำให้กีต้าร์บางรุ่นของ Fender รุ่นพิเศษ ต้องย้อนกลับไปผลิตกีต้าร์ตามสเปคที่ต้องย้อนเวลากลับไปเป็นสิบ-ยี่สิบปี บางครั้งเพียงทรานซิเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตัวเดียวที่ซัพพลายเออร์เลิกผลิตแล้ว ก็ต้องย้อนยุคไปหามาทำเพื่อ “ให้มันได้เสียงแบบที่มันควรเป็น” เพราะในอดีตวันที่เริ่มตอนผลิตออกมาอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้มันเป็นการ “คัดเลือกเพื่อเสียงที่ลงตัวที่สุด” นี่คือความซีเรียสในเรื่องคุณภาพระดับ Fender แต่บ่งบอกออกมาด้วยสโลแกนที่แสนจะเรียบง่ายว่า “How Music Should Sound”
รวมถึงลำโพง Fender คู่นี้ก็ด้วย
Monterey™ & Newport™
แค่ดูก็รู้ว่าชอบฟังเพลง
ดนตรีมีผลกับจิตของมนุษย์โดยตรง เมื่อเราออกกำลังหากฟังเพลงมันส์ๆ เราจะออกกำลังได้มากกว่าปกติ เมื่อต้องการผ่อนคลายถ้าเปิดดนตรีสบายๆ ก็จะช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีขึ้น หรือเมื่อรู้สึกเหนื่อยหากได้ฟังเพลงให้กำลังใจโลกทั้งใบก็เปลี่ยนสี
ถ้าได้ลำโพงที่ดีจะมีส่วนช่วยให้ดนตรีทำหน้าที่ได้มากยิ่งขึ้น ลำโพงที่เชื่อมต่อกับมือถือ ทำให้คุณสามารถหาเพลงฟังจากแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น ในปัจจุบันมีช่องทางฟังเพลงทั้งฟรีและคุณภาพสูง เช่น Spotify, Joox, Apple Music ดังนั้นลำโพงที่เปิดเพลง “ง่ายขึ้น” ก็ทำให้คุณเข้าถึงดนตรีได้บ่อยขึ้น หรือฟังก์ชันตัวเล็กของลำโพง Fender Newport™ ที่มีแบตเตอรี่ในตัว สามารถย้ายไปที่ไหนก็ได้ ทำให้คุณสามารถใช้ในมุมไหนของบ้านหรือนอกบ้านก็ได้
ออกแบบเรียบง่ายสไตล์ Fender
จะมีลำโพงไหนที่บอกได้ว่าคุณรักดนตรีแม้ไม่ต้องเปิด
ลำโพง Fender เป็นหนึ่งในสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของได้ อย่างที่เล่าไป Fender เป็นระดับตำนานของวงการดนตรี ผลิตภัณฑ์ที่มีบุคลิกสุขุมแบบเป็นมืออาชีพจนมาถึงงานออกลำโพง Bluetooth ก็เช่นกัน ทั้งคู่ถูกออกแบบให้ลักษณะตามตู้แอมป์ในตำนานของ Fender ย่อส่วนมาให้สามารถวางเป็นของตกแต่งห้องได้อย่างลงตัว
ในความจริงแล้ว ดีไซน์ที่สวยงามใครก็หาได้แม้จากลำโพงที่ไม่มีแบรนด์ แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าดีไซน์คือความเป็น Fender ที่สามารถสะท้อนรสนิยมคนทันสมัยที่เรียบง่าย แต่มีดนตรีในหัวใจ มีความชำนาญในการเลือกสรร และอีกหลายเรื่องราวเมื่อเรานึกถึง Fender
เราไม่เพียงเห็นคนที่ชอบฟังเพลง แต่จะรู้ได้ว่าคนนี้เป็นคนที่รักในดนตรีและรู้จักศิลปะในการใช้ชีวิต
ทั้งรุ่น Monterey™ และ Newport™ ถูกออกแบบมาให้ดูเหมือนอนาล็อกตั้งแต่ปุ่มเปิดปิด และปุ่มปรับเสียงต่างๆ ให้ความรู้สึกคลาสสิค ใช้สีสันที่เรียบ เพียงแค่สีดำและสีเมทัล ผสมกันเป็นงานออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายให้เป็นของที่ใช้ตกแต่งได้ด้วย
บุคลิกเสียง
สำหรับการฟังเพลง
ลำโพง Fender นั้นไม่ได้มีดีแค่ขายลิขสิทธิ์โลโก้ Fender มาแปะ แต่สิ่งที่ทำให้ทีมงาน iURBAN เราเองตัดสินใจซื้อลำโพง Fender มาใช้แทนลำโพงเดิมที่มีอยู่แล้ว (แถมลำโพงเดิมแพงกว่าด้วย) นั่นคือ เหตุผลในการฟังเพลง ลำโพงบางยี่ห้อออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลาย บางยี่ห้อออกแบบมาเพื่อดูภาพยนตร์เสียงรอบทิศทาง บางยี่ห้อออกแบบเบสมาตึ๊บมากแน่นสะใจ
แต่สุดท้ายแล้ว ชีวิตประจำวันที่เราใช้บ่อยที่สุด คือ
- บุคลิกเสียงสำหรับการฟังเพลง เราต้องการลำโพงที่เปิดเพลงไพเราะ ซึ่งนอกจากเสียงดีแล้วลำโพง Fender ยังมีเสียงที่เป็นบุคลิกของตัวเองซึ่งเหมาะกับดนตรีมาก
- ปรับเสียงได้ และง่าย แต่ละวันเราอยากฟังเพลงไม่เหมือนกัน บางวันเราอยากฟังเพลงอคูสติกชิลๆ เสียงร้องใสๆ บางวันเพลงแดนซ์เบสตึ๊บๆ บางวันเพลงร็อค บางวันแจ๊ส การมีปุ่มปรับ Bass และ Triple ของลำโพง Fender ในตำแหน่งที่ปรับง่ายนั้นดีมาก มีตัวเลขชัดเจนปรับง่าย (ไม่ต้องเข้าแอพ, ไม่ต้องอ้อมไปหลังลำโพง) ช่วยให้ได้อรรถรสที่มากขึ้นกับการฟังเพลง
- เปิดฟังง่าย ใครก็ใช้เป็น ปุ่มเชื่อมต่อกับมือถือง่าย ช่วยให้คนอื่นมาใช้งานได้ด้วย ความใช้งานง่าย เป็นข้อดีของปุ่มย้อนยุคแบบอนาล็อก เปิดเพลงง่ายก็ทำให้ได้ฟังเพลงบ่อยขึ้น
- เป็นของแต่งบ้านได้แม้ตอนปิด การซื้อลำโพงดีๆ สิ่งหนึ่งที่ได้แถมมา คือ ได้แบรนด์สินค้าที่ดีด้วย สำหรับลำโพง Fender ที่ออกแบบได้อย่างคลาสสิคแล้ว สามารถวางที่มุมห้องไหนก็ดูเสริมสตอรี่ให้เจ้าของดูมีมิติมากขึ้นไปอีก
นั่นก็ทำให้ลำโพงแพงตัวเก่าของออฟฟิศ iURBAN กลายเป็นลำโพงดูหนังไปแทน (น๊านนานจะเปิดที) ส่วนเจ้าลำโพง Fender Monterey กลายมาเป็นลำโพงที่ทุกคนในออฟฟิศ ชอบที่จะเปิดเพลงฟังกันอยู่ทุกวัน
Fender Monterey™
ลำโพง Fender ตัวนี้จัดเป็น flagship เป็นตัวแรกและตัวเดียว (ในวันนี้) ดีที่สุดจาก Fender คุณภาพเสียงทรงพลังที่มาพร้อมดีไซน์ย่อส่วนจากตู้แอมป์คลาสสิคตัวที่เป็นตำนาน
ปุ่มปรับแบบอนาล็อกแบบนี้ เป็นลักษณะที่ดีมากและง่ายต่อการใช้งานที่สุด ถ้ามันอยู่บนดีไซน์อื่นก็คงจะดูเชยไปเลย แต่พอมาอยู่บนลำโพงที่ออกแบบให้ดูเหมือนตู้แอมป์ Fender กลับกลายเป็นคลาสสิค ดูหล่อมากไปซะอย่างนั้น
รายละเอียดที่น่าสนใจของลำโพง Fender Monterey™
- กำลังขับรวม 120w ด้วย Quad-Driver System ระบบดั้งเดิมที่คัดสรรค์อุปกรณ์มาใช้ผลิตอย่างพิเศษ ผ่าน 5.12″ woofers 2 ตัว และ 2 tweeters เพื่อให้ได้เสียงที่บริสุทธิ์และธรรมชาติที่สุดอย่างที่นักดนตรียอมรับกันทั่วโลก
- นอกจาก Bluetooth แล้วคุณยังสามารถเชื่อมต่อเสียงได้ทางสาย 3.5mm และ RCA Jack พร้อมปุ่มและไฟสถานะสลับโปรไฟล์ได้ที่ด้านบน สามารถไปต่อกับ player ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเล่นแผ่นเสียง หรือเครื่องเล่นเพลงทั้งรุ่นเก่าและใหม่
- Bluetooth Audio (Class I) ระยะครอบคลุม 10 เมตรสบายๆ
- รุ่น Monterey กำลังขับสูง จึงจำเป็นต้องเสียบปลั้กตลอดเวลา และที่จริงก็คงไม่มีใครอุ้มไปไหนบ่อยๆ เพราะตู้ลำโพงมีน้ำหนักเยอะอยู่ไม่เบา เหมาะจะวางโชว์ในโลเคชั่นหล่อๆ
เนื้อเสียงต่างจากลำโพง Fender Newport™ รุ่นตัวเล็กตรงที่ Fender Monterey™ จะขับได้เต็มเนื้อเสียงสำหรับห้องที่มีบริเวณกว้างกว่า ให้ได้เนื้อเสียงของเพลงไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของห้องแม้ว่าจะเปิดเบาๆ หรือวันไหนจะเปิดดังระดับข้างบ้านเหลียวมองก็ยังได้ ตัวนี้มีพลังเหลือเฟือ ฟังปกติเปิด Volumn แค่ 3 ใน 10 ก็ดังแล้ว (ทั้ง 2 รุ่นสามารถเพิ่มลด Volumn ได้จากมือถือที่เชื่อมต่อเช่นกัน)
ลำโพง Fender Monterey™ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลำโพงทั่วไป ชื่อเสียงของ Fender เป็นสิ่งการันตีว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะไม่ใช่เพียงแค่ของที่ทำมาเน้นขาย การที่ Fender ผลิตเพียงแค่รุ่นเดียว (อีกรุ่นคือ Newport™ สำหรับพกพา) ไม่ได้มีหลายดีไซน์ ดีไซน์เดียวนี้แหละที่คลาสสิคและเป็นตำนาน ทำให้ลำโพงตัวนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งของที่อยู่ในเกรด Collectible Items เป็นของที่น่าสะสม ที่ไม่เพียงแค่ตั้งโชว์เท่านั้น แต่ยังให้คุณภาพการใช้งานจริงที่ไม่สามารถหาเสียงบริสุทธิแบบนี้ได้จากไหนอีก
Fender Newport™
เป็นรุ่นน้องที่ออกมาพร้อมกัน เหมาะสำหรับคนที่กิจกรรมเยอะและอยากมีดนตรีดีๆ พกไปฟังได้ทุกที่ ลำโพง Fender Newport™ ที่เป็น Bluetooth รุ่นพกพานี้ ให้กำลังขับเสียงที่เกินพอสำหรับห้องนอนหรือ Somewhere you belong โดยไม่ต้องกังวลเลยว่า เล็กกว่า แล้วสู้ได้หรือไม่ ต่างกันแค่ขนาดพื้นที่เนื้อเสียงครอบคลุมถึงเท่านั้นเอง ส่วนบุคลิกเสียงที่เล่าให้ฟัง Fender สร้างสรรค์มาได้เฉียบพอกัน!
เมื่อต้องพกพาไปไหนมาไหนบ่อยๆ ผ้าทอคงไม่เหมาะกับการนำมาใช้บุหน้าลำโพงเหมือนรุ่น Monterey เพราะอาจจะชำรุดได้เวลาขนย้ายโดยไม่ตั้งใจ รุ่น Newport นี้เลยทำหน้าลำโพงมาเป็นหน้ากากแข็งสีเมทัล โดยคลุมโทนสีเดียวกัน แต่ออกแบบให้มี pattern สวยงาม เรียบ แต่ดูมีสไตล์
ปุ่ม Talk ปุ่มที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนลำโพงฟังเพลงให้กลายเป็น Speaker Phone เมื่อมือถือที่ต่อเชื่อมกับ Bluetooth อยู่มีสายเรียกเข้า คุณสามารถกดปุ่ม Talk เพื่อพูดคุยผ่านทางลำโพงได้เลย เพราะลำโพง Fender รุ่น Newport™ นี้มีไมโครโฟนด้วยในตัว สามารถประยุกต์ลำโพงนี้ใช้ประชุมที่ออฟฟิศได้เลย เพราะไมโครโฟนมีระบบ Echo Cancelation หรือทำลายเสียงสะท้อนเพื่อให้เสียงชัดเจนกว่าการคุย Speaker Phone ผ่านมือถืออีกด้วย
ช่อง Aux IN (3.5mm Jack) ของตัว Fender Newport™ ก็ฉลาดมาก เมื่อเอาสายเสียบเข้าระบบจะตัดสัญญานมาเล่นเสียงจากสาย Jack แทน Bluetooth ทันที อันนี้ก็สะดวกสำหรับการสลับใช้งานยามจำเป็น
รายละเอียดที่น่าสนใจของลำโพง Fender Newport™
- กำลังขับ 30w ด้วย Tri-Driver Design สร้างประสบการณ์ให้คุณประทับใจผ่าน 2 woofer + 1 tweeter ซึ่งได้รับการคัดเลือกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นอย่างตั้งใจเช่นเดียวกันกับรุ่นใหญ่ เพื่อให้ได้เสียงที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ
- ปุ่ม Talk คือสิ่งที่ในรุ่น Fender Monterey ไม่มี มีเฉพาะใน Newport
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium ion สามารถใช้งานต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง เป็นแบตเตอรี่แบบใหม่ที่ใช้งานได้เหมือนพาวเวอร์แบงค์และมือถือ คือไม่ต้องรอให้แบตหมดก็ชาร์จได้เลย
สิ่งที่ Fender ใส่ใจไม่ว่าจะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ คือทั้งคุณภาพและดีไซน์ ทีมที่ออกแบบ Fender Newport ก็เป็นทีมเดียวกับที่ออกแบบตู้แอมป์กีต้าร์สุดคลาสสิคเช่นกัน ปุ่มปรับเสียงไม่ได้มีมาแค่สวยงาม แต่งานประกอบมาแน่นผ่านวัสดุที่ดี เหมาะสำหรับคนแอคทีฟที่รักการฟังเพลง เดินทางไปไหนมาไหนบ่อย ไม่ว่าจะโต้ะทำงานหรืออยู่ที่ไหน เพียงแค่หยิบ Fender Newport ขึ้นมาเปิดเพลง ความรู้สึกก็เปลี่ยนได้ในทันที
ทั้งคู่เป็นมากกว่าแค่ลำโพงบลูทูธ แต่มันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของแบรนด์ Fender ที่เป็นตำนานดนตรี ในรูปแบบใหม่ที่ให้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ทุกวัน
ถ้าใครสนใจเป็นเจ้าของ คุณสามารถหาซื้อได้ที่
iStudio / iBeat by Copperwired.life | Life | Studio7 | Munkong Gadget | Sound Proof | Zound Aholic | Bkk | Loft | BeTrend | 11Street
เพิ่มเติมที่ Facebook: fenderspeaker
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงได้รู้จัก Fender มากขึ้นแล้ว หวังว่าทุกครั้งที่คุณได้ฟังเพลงหรือดูคอนเสิร์ต คุณจะ enjoy กับดนตรีมากยิ่งกว่าเดิม :)
ระหว่างที่เขียนอยู่นี้ แอดมินก็ฟังเพลงอยู่เช่นกัน
Let’s enjoy with the Music 💙
