ฝุ่น PM2.5 ที่มาจากภาคเกษตร ป้องกันได้อย่างไร 13 -

ฝุ่น PM2.5 ที่มาจากภาคเกษตร ป้องกันได้อย่างไร

นอกจากข่าวการเลือกตั้งแล้ว ข่าวที่นับเป็นกระแสฮอตฮิตติดชาร์ต คงหนีไม่พ้นข่าวเจ้าฝุ่นจิ๋วแต่ผลลัพธ์ไม่จิ๋วของ PM2.5 ที่สร้างความเดือดร้อนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ แม้ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ จะพยายามหาวิธีหลากหลายมาสกัดกั้น เช่น การฉีดละอองน้ำ การทำฝนเทียม การฉีดน้ำกวาดถนน หรือห้ามไม่ให้ประชาชนใช้รถ ล้วนแต่เป็นการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ถึงแม้ฝุ่นพิษจะเจือจางไปแต่ก็จะกลับมาอีก

แหล่งกำเนิด PM2.5 มีแบบปล่อยโดยตรงกับแหล่งกำเนิดปฐมภูมิ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้า การเผาในที่โล่งและอุตสาหกรรมการผลิต ขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่ใดมีแหล่งกำเนิดแบบใดเป็นหลัก ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ นั้นมีมานานหลายปีแล้ว เพียงแต่ปีนี้เห็นชัดเจนจนหลายๆ คนจึงเริ่มตระหนก ทั้งที่ควรตระหนักถึงปัญหานี้อย่างจริงจังมานานแล้ว ส่วนควันพิษนั้นเกิดจากการเผาไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้จากเครื่องรถยนต์ จากการเผาขยะ หรือจากการเผาสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรง ก็ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นมะเร็งและโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุการณ์ตายก่อนวัยอันควรของประชากรประเทศกว่า 50,000 คนต่อปี

สำหรับภาคการเกษตรเองก็มีส่วนในการสร้างฝุ่นหรือควันพิษ อันเกิดจากการเผาตอซังฟางข้าว และเผาไร่อ้อยซึ่งทำกันมาอย่างต่อเนื่องช้านาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ถึงเวลาที่เกษตรกรไทยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้เสียใหม่ เพื่อช่วยลดฝุ่น ควัน และมลภาวะ โดยเริ่มจากการใช้จุลินทรีย์ท้องถิ่นไทย อย่างหน่อกล้วย หรือมูลสัตว์เคี้ยวเอื้องย่อยสลายตอซังฟางข้าวแทนการเผา รวมทั้งยังเป็นการเตรียมแปลงนาเพิ่มแร่ธาตุให้ดิน ชาวนาในพื้นที่ภาคกลางแถบจังหวัดอ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี ก่อนการทำนารุ่นต่อไปจะต้องมีการเตรียมการเป็นระยะเวลา 15-30 วัน ในช่วงเวลานี้เราสามารถใช้จุลินทรีย์ท้องถิ่นไทยที่ทำจากมูลสัตว์เคี้ยวเอื้อง (วัว ควาย แพะ ฯลฯ) 2 กิโลกรัมต่อน้ำสะอาด 20 ลิตร แล้วเติมกากน้ำตาล 10 ลิตร หมักไว้ 7 วันก็นำไปใช้ได้ หรือการทำจุลินทรีย์จากหน่อกล้วย คัดเลือกหน่อที่อวบอ้วนต้นสูงไม่เกิน 1 เมตรขุดให้มีดินติดราก 3/10 ส่วน เพราะในดินจะมีจุลินทรีย์ติดมาด้วย นำมาสับหรือบดให้ละเอียด ใส่กากน้ำตาลผสมในอัตราส่วน หน่อกล้วย 3 ส่วนต่อกากน้ำตาล 1 ส่วนโดยไม่ต้องใช้น้ำ นำจุลินทรีย์ที่หมักได้ มาเทตรงท่อระบายน้ำให้กระจายไปทั่วผืนนาให้ท่วมใช้ 5 ลิตรต่อไร่ ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ให้ย่อยสลายตอซังฟางข้าวแทนการเผา 

มีข้อมูลว่ากว่าร้อยละ 60 ของชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ ใช้วิธีการเผาอ้อยก่อนตัด เพราะการเผาทำให้ใบอ้อยหายไปช่วยให้สะดวกต่อการตัด แต่นอกจากจะสร้างมลพิษแล้วยังมีปัญหาที่ตามมาก็คือ อ้อยที่ผ่านการเผานั้น ค่าความหวานจะลดลงและเก็บไว้ได้ไม่นาน ราคาจึงถูกกว่าอ้อยสดมาก สำหรับวิธีแก้ปัญหาคือนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตัดเพื่อให้เก็บเกี่ยวได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ก่อมลภาวะด้วยการเผาไร่อ้อยอีกต่อไป หรือจัดตั้งกลุ่มด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับโรงงานรับซื้ออ้อยเพื่อกำหนดนโยบายร่วมกัน เช่น กำกับคุณภาพอ้อย โดยมีมาตรการตัดราคาสำหรับเกษตรกรที่ใช้วิธีการเผาอ้อย เพื่อให้เกษตรกรส่วนใหญ่เห็นความสำคัญในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม ลด ละ เลิกสิ่งที่ทำให้เกิดฝุ่นหรือควันพิษจากภาคเกษตรกรรม ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนอีกหนึ่งวิธี นอกจากสามารถป้องกันฝุ่นพิษแล้วยังเป็นการเพิ่มแร่ธาตุ ปุ๋ย ให้กับดิน รวมถึงสามารถลดการนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศได้อีกด้วย

ดังนั้นฝุ่น PM2.5 ที่มาจากภาคเกษตรสามารถป้องกันได้ ปัญหาเรื่องฝุ่นหรือสารพิษเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก เราอาจจะเริ่มจากจุดเล็กๆ อย่างตัวเราก่อนโดยการลด ละ เลิกการเผาขยะ ช่วยกันสร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น ปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และฝุ่นควันต่างๆ หรือปลูกพืชผักปลอดสารพิษทานเองที่บ้านของเรา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานของรัฐ เพื่อส่งต่อโลกที่ไร้มลภาวะให้ลูกหลานของเรา

เว็บเราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ท่านได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถเลือกอนุญาตคุกกี้เองได้ที่ ตั้งค่าคุกกี้

Privacy Preferences

เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ของเรา อาจมีการจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของท่านในรูปแบบของคุกกี้ ข้อมูลนี้อาจเป็นข้อมูลเกี่ยวกับท่าน การตั้งค่าของท่าน อุปกรณ์ของท่าน ซึ่งจะถูกใช้เพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้ตามที่ท่านต้องการ ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่ได้ระบุตัวตนของท่านโดยตรง แต่ช่วยให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์แบบเฉพาะสำหรับท่านได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน โดยท่านสามารถเลือกปฏิเสธไม่ยอมรับให้คุกกี้บางประเภททำงานได้ ซึ่งท่านสามารถคลิกที่หัวข้อแต่ละประเภท เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนการตั้งค่าได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานเว็บไซต์และบริการที่เราเสนอให้แก่ท่านได้ ข้อมูลเพิ่มเติม

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จําเป็นสําหรับการทํางานของเว็บไซต์ (Strictly necessary cookies)
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการทำงานของเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่ทำให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของเราได้อย่างปลอดภัย ส่วนนี้จะไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้ที่ช่วยในการใช้งาน (Functional Cookies)

    เราใช้ Cookies ประเภทนี้เพื่อช่วยจดจำอุปกรณ์หรือบราวเซอร์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถจัดทำเนื้อหาได้อย่างเหมาะสมกับความสนใจส่วนบุคคลของท่านได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้การบริการและแพลตฟอร์มได้อย่างสะดวกสบายและเป็นประโยชน์ต่อท่านมากยิ่งขึ้น

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เชิงสถิติ (Analytics Cookies)

    เราใช้ Analytics Cookies ที่ให้บริการโดย Google ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานของท่านบนเว็บไซต์ของเรา โดยข้อมูลนี้ประกอบไปด้วย หน้าเว็บไซต์ที่ท่านเข้าชม ลิงค์ที่ท่านคลิก ระยะเวลาที่ท่านเข้าชมในแต่ละหน้า โดยเราใช้ข้อมูลนี้เพื่อวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ และเพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    เราใช้คุกกี้ประเภทนี้จดจำการตั้งค่าของท่านในการเข้าใช้งานหน้าเว็บไซต์ หน้าเว็บที่ท่านได้เยี่ยมชม และลิงค์ที่ท่านเยี่ยมชม เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเข้าชมและพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์และยังปรับปรุงเว็บไซต์ รวมทั้งเนื้อหาใดๆ ซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าเว็บให้ตรงกับความสนใจของท่านมากยิ่งขึ้น และทดสอบความมีประสิทธิภาพของโฆษณาเรา และนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุดเท่าที่จำเป็น นอกจากนี้ เรายังอาจแชร์ข้อมูลนี้ให้กับบุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
    Cookies Details

บันทึกการตั้งค่า