ดาต้า เซ็นเตอร์ เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จขององค์กรที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านไอที การเงินการธนาคาร การค้าปลีกและองค์กรธุรกิจเพราะเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์หรือคลาวด์คอมพิวติ้ง ส่งผลให้องค์กรจำนวนมากต้องการเคลื่อนย้ายระบบจัดเก็บข้อมูล เครือข่าย และแบนด์วิธ ไปสู่ดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อให้การใช้งานผ่านอุปกรณ์ทำงานได้ง่ายขึ้นผู้อ่านหลายท่านอาจจะพอได้ยินข่าวกันมาบ้างที่อินเตอร์ลิงก์ เทเลคอม จำกัด มหาชน จะไปลงทุนสร้างศูนย์สำรองข้อมูลแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อว่า “Genesis Data Center”
โดยการออกแบบของ Genesis นั้นได้ออกแบบให้เหมาะกับการเป็นศูนย์รับฝากข้อมูลโดยเฉพาะ และยังคำนึงถึงเสถียรภาพของระบบในศูนย์ข้อมูล
- พื้นที่ให้บริการรวม 6,660 ตารางเมตร โดยเป็นพื้นที่ที่สามารถจัดวางอุปกรณ์ได้ถึง 5,300 ตารางเมตร
- จำนวนอุปกรณ์ที่สามารถจัดวางได้ ทั้งสิ้น 624 Rack โดยจะเป็น Rack ขนาดหน้ากว้าง 80cm
- การจัดวางระบบสำรองไฟฟ้า UPS เป็นแบบรองรับได้ 2N กล่าวคือหากมีส่วนใดส่วนหนึ่งเสียไปอีกระบบจะทำงานแทนได้อย่างไม่กระทบใดๆ
- การจัดวางระบบทำความเย็นเป็น ชนิด CRAC ซึ่งใช้งานกันอย่างแพร่หลายในธุรกิจ ดาต้า เซ็นเตอร์ โดยถูกออกแบบให้เป็น N+2 คือหากตัวที่ใช้ทำงานสำรองตัวแรกเสียยังมีอีกชุดหนึ่งให้บริการได้
- การจัดวางระบบกำเนิดไฟฟ้าเป็นชนิด N+1 ทำให้สามารถรองรับการขยายในอนาคตได้และทำให้ศูนย์ข้อมูลมีเสถียรภาพทางด้านไฟฟ้าที่ดีมากขึ้น
- การจัดวางระบบจัดเพลิงเป็นชนิด Clean Agent เพื่อป้องกันการห้ามใช้งานสินค้าบางชนิดจึงเป็นการลดความเสี่ยงไป
- ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับ Tier III ในส่วนงานด้านการออกแบบ (Design Documents) และด้านการก่อสร้าง (Constructed Facility) จาก Uptime Institute และ ISO ถึง 4 มาตรฐานได้แก่ ISO/IEC27001:2013 ,Tier III Certification Design Document,Tier III Certification Construct Facilities,Payment card Industry – Data Security Standardด้วย
Genesis Data Center พร้อมเชื่อมโยงการทำงานของระบบไอทีภายในองค์กร และภายนอกองค์กร ทำให้สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและใช้ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการบริหารจัดการด้านการดำเนินธุรกิจได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด