ไม่มีเดือนไหนที่เราจะตั้งใจฟังพยากรณ์อากาศเท่าเดือนธันวาคม และจะยิ้มกริ่มทุกครั้งที่ได้ยินว่า ” อุณหภูมิทางภาคเหนือจะลดต่ำลง 2-3 องศา ตอนเช้ามีหมอกปกคลุม บนยอดดอยสูง อากาศหนาวเย็น อาจมีแม่คะนิ้ง”
เล่าให้เพื่อนฟัง มันบอก” ใจร้ายจังแก หนาวจัดๆ คนตายได้นะยะหล่อน” ได้แต่เถียงไปว่า ” เฮ้ย..เมืองไทยหนาวไม่นานหรอก เสื้อกันหนาว แต่ละปี ใส่ไม่เกินห้าวันก็ต้องเก็บคืนเข้าตู้แล้ว”
เห็นใจหน่อยเถอะ คนที่อยู่ในอารมณ์อยากเที่ยวเมืองเหนือหน้าหนาว มักจะคิดอะไรเว่อร์ๆ
ยิ่งสองสามปีหลังมานี้ พญาเสื่อโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทยที่ปลูกเอาไว้ตามดงดอย เติบใหญ่ แข่งกันออกดอกจนกลายเป็นป่าสีชมพู ภูเขาสีหวานแบบนี้ ไม่ขึ้นไปทักทายกับป่าสีชมพู ไม่ได้แล้ว
ใครที่กำลังเบื่อๆ ไม่อยากไปไหน หรือไม่ได้ไปไหนไกล ๆ ก็เที่ยวไปกะรูปชุดนี้นะคะที่ดอยอ่างขาง ไม่ใช่มีแค่พญาเสื่อโคร่งปลูกตามแนวถนนทางเข้าโครงการ แต่มีต้นซากุระจริง สายพันธ์จากประเทศญี่ปุ่นที่จะบานต้นเดือนมกราคม
ช่อดอกจะฟูฟ่อง เป็นช่อยาวๆอัดแน่นด้วยดอกสีหวานอ่อนๆ ไม่เหมือนพญาเสื่อโคร่งที่ดอกจะเป็นช่อกระจุก กลมๆๆ
ดอกไม้ที่ปลูกในสวน ก็ทำให้การท่องเที่ยว และ การถ่ายรูปบนดอยอ่างขางแช่มชื่นหัวใจ
เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมพรรณไม้ป่าใส่เสื้อ ที่อ่างกา
จากป่าใส่เสื้อ ลงมาจากดอยอินทนนท์ แวะที่จุดชมวิวที่กิ่วแม่ปาน ระหว่างไปเข้าห้องน้ำ เพื่อนในกลุ่มได้ยินว่า กุหลาบพันปีบนกิ่วแม่ปานออกดอกแล้ว อยากเห็นจัง
ไอ้เราก็ใจอ่อน ไม่คิดว่ามันจะต้องเดินไกลถึงปานนั้น เอ้า..อยากเห็นก็ไปกํน (ไม่รู้เลยซักนิดว่าต้องเดินไปกลับกว่าสามชั่วโมง)
โห..ไปถึงจุดชมวิว นั่งห่อบแฮ่กๆ ถ่ายรูปเลย เพราะคนนำทางใจร้าย
หุ หุ เร่งให้เดินเร็วๆๆ
คริ คริ ถ้าฟังมาไม่ผิดนะ น่าจะใช่แม่แตง หากผิดก็ขออภัย
หากไม่ต้องรีบเดินจ้ำ พรวดๆ ตามที่ไกด์ขอร้องแกมบังคับ ดอกไม้ ดอกหญ้า ทิวทัศน์บนกิ่วแม่ปานคุ้มค่ากับความเหนื่อยล้ามาก เพราะจะได้เห็นดอกหญ้าหน้าตาแปลกๆ แบบนี้
ดอกไม้สีม่วง น่ารักกกกกกกกกกกกก..
ลงจากกิ่วแม่ปาน แวะนมัสการ พระธาตุนภเมทินีดลและพระธาตุนภพลภูมิศิริ
ต้องรอให้แดดออก ดอกป็อบปี้ถึงจะบาน เป็นคุณนายตื่นสายอีกหนึ่งนาง สวยเลือกได้ ใครอยากถ่ายรูปก็คอยหน่อย..
อีกหนึ่งเหตุผล ทีทำไมปีนี้ต้องตามสายลมหนาวขึ้นเหนือเป็นปีที่สาม ก็เพราะ ตั้งใจไปดูทิวลิปที่กฤษดาดอย