ณ จุดที่ภูเขาบรรจบกับผืนนาที่อำเภอหางดง เป็นที่ตั้งของโรงเรียนปัญญาเด่น โรงเรียนวิถีพุทธแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ทางเข้าโรงเรียนที่เป็นถนนอัดปนดินที่ทอดยาวใต้แนวต้นไม้ไปจนถึงศาลาไม้ไผ่รูปทรงหวือหวา หลังหน้าสุดซึ่งเป็นศาลานั่งรอรับลูกหลานของผู้ปกครองก็ดูจะเป็นสิ่งที่ประกาศ “ความไม่เหมือนใคร” ของโรงเรียนแห่งนี้ให้ผู้ได้มาเยือนสัมผัสได้จนเมื่อได้เข้าไปนั่งในศาลาที่พื้นเป็นดินอัดแน่น เคลือบวัสดุกันซึม สัมผัสเย็นของผิวดินและต้นไม้เขียวขจีข้างนอกก็ดูจะช่วยบรรเทาความร้อนอ้าวของเชียงใหม่ยามบ่าย
แนวคิดของโรงเรียนปัญญาเด่น คือ โรงเรียนวิถีพุทธต้องเน้นที่ความพอเพียงและการพึ่งพาตนเอง ดังนั้นการใช้วัสดุธรรมชาติ คือไม้ไผ่ ดินและหินมาก่อสร้างโรงเรียนจึงคำตอบต่อแนวคิดหลักของโรงเรียน และยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กเห็นความสำคัญของธรรมชาติและจะเกิดจิตใจที่อนุรักษ์ธรรมชาติตามมา นอกจากนั้นการที่เด็กใช้ชีวิตและเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้ชิดธรมมชาติก็จะเป็นประสบการณ์ทีติดตัวพวกเขาไปจนโตเป็นผู้ใหญ่
แนวคิดของหารออกแบบการวางผังของโรงเรียน ได้มาจากเส้นสายอิสระของใบเขากวางซึ่งเป็นใบไม้ที่พบได้ในภาคเหนือ อาคารแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆคือ อาคารสำนักงานและอาคารเรียนที่ผนังเป็นดิน และอาคารศาลาที่เป็นอาคารโครงสร้างไม้ไผ่บนฐานรากหิน ซึ่งศาลาแต่ละหลังทำหน้าที่เป็นส่วนสนับสนุนการศึกษา เช่น การนั่งสมาธิ ประชุม โรงอาหารถึงศาลาในบริเวณสระว่ายน้ำ
เทคนิคพิเศษ คือ การผสมผสานด้วยเทคนิคการก่อสร้างของช่างพื้นถิ่นหลากหลายชนเผ่า เช่น ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง ก่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันมนการก่อสร้างของอาคารแต่ละหลัง โดยที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้กระบวนการการก่อสร้างทั้งหมดก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตปริ๊นต์น้อยที่สุด และในส่วนของเทคนิคการก่อสร้าง เราได้เห็นการนำวิธีการก่อสร้างจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น การเข้าไม้โดยไม่ใช้ตะปู รวมถึงเทคนิคการสร้างกำแพงดินอัด (Rammed Earth) ซึ่งสร้างจากหินอัดผสมดิน ซึ่งเป็นวิธีการก่อสร้างดั้งเดิมของหลายๆชนชาติทั่วโลกมาใช้ในส่วนของผนัง
ถ้าสถาปัตยกรรมที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุดเช่นบ้านและโรงเรียนเปิดโอกาสให้เด็กสัมผัสกับโลกแห่งควาเป็นจริง เขาจะเกิด “การค้นพบ” และก่อรูปเป็นประสบการณ์เฉพาะตัวที่จะติดตัวเขาไปจนเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเรียนรู้มนพระพุทธศาสนาที่ว่า การเรียนรู้คือประสบการณ์เฉพาะตนและการเรียนรู้ที่สุดคือการเรียนรู้เพื่อเพื่อให้เกิดปัญญา
จากกรณีศึกษาของโรงเรียนปัญญาเด่น จึงน่าจะเป็นคำถามที่ย้อนกลับมาสู่ผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลเด็กทุกคน ว่านอกเหนือจากโลกในห้องเรียนเปียโน ห้องเรียนรำไทย ห้องเรียนเตควอนโด หรือ โลกใบเล็กในจอคอมพิวเตอร์แล้ว เราได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ของเราเรียนรู้และสัมผัส “ความเป็นจริง” รอบตัวกันบ้างหรือไม่
และจะว่าไปก็อยากกลับไปเป็นเด็กให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไปเข้าโรงเรียนแบบวิถีพุทธแบบนี้บ้าง สนใจเพิ่มเติมได้ที่ http://www.panyaden.ac.th และขอขอบคุณข้อมูลจาก ART4D magazine