Francis Kere ได้ศึกษาด้านสถาปัตยกรรม และได้ตัดสินใจสร้างโรงเรียนในหมู่บ้านของเขาเอง ซึ่งถือเป็นบ้านเกิด คือ ที่แอฟริกา เพราะว่าที่นั่นไม่มีโรงเรียน โดย Francis Kere เก็บเงินและออกแบบโรงเรียนด้วยตัวของเขาเอง คนรอบข้างก็ค่อนข้างประหลาดใจว่าทำไมเขาถึงพยายามที่จะสร้างโรงเรียน
Francis Kere สร้างมันตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม หลังจากนั้น Francis Kere ก็มีความคิดที่จะเลิกเรียนเพราะใครๆต่างพูดว่า เขาคงต้องตกงานแน่ๆ คงไม่มีคนจ้างเขาทำงานในฐานะสถาปนิกที่บูร์กินาฟาโซหรอก หรือไม่ก็พูดว่าคงไม่มีคนที่มีเงินพอที่จะจ้างเขา แต่ก็เป็นความโชคดี ที่เขาเลือกที่จะเรียนต่อจนจบและเดินหน้าต่อไปในสิ่งที่ Francis Kere กำลังทำอยู่ โปรเจ็คของเขาได้รับรางวัล Aga Kha Award หลายๆคนเริ่มรู้จักงานของเขา และต่อมาเขาก็ได้ตั้งออฟฟิศของเขาขึ้นเองทีเบอร์ลิน
มาพูดถึงในส่วนของโปรเจ็คต์ Vocational School มีคนช่วยทำโปรเจ็คต์นี้เยอะมาก จะว่าไปเกือบทั้งหมู่บ้านก็ว่าได้ ทั้งผู้หญิงและเด็ก ทุกๆคนต่างยื่นมือเข้ามาช่วย ตัวคุณ Francis Kere ก็ทำในส่วนงานเขียนแบบทั้งหมด เตรียมการและจัดการเรื่องต่างๆก่อนเริ่มขั้นตอนการก่อสร้าง
เรื่องของวัสดุ : Francis Kere เป็นคนนำเอาความรู้เรื่องนี้เข้าสู่หมู่บ้าน อันที่จริงเป็นเทคนิคที่มีอยู่มาก่อนแล้ว ที่เรียกว่า”บล็อกดินอัดผสม” คุณไม่จำเป็นต้องเผามัน เราไม่ใช้อิฐเนื่องจากเราไม่มีพลังงานเพียงพอในการผลิต เราไม่มีป่าให้เผา นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเลือกวัสดุที่ว่านี้ มันเป็นดินอัดที่ผสมคอนกรีตอยู่ประมาณ 10% ใช้การได้ดีทีเดียว ความรู้ตรงนี้จริงๆมันมีศึกษาและพัฒนาอยู่แล้วโดยองค์กรต่างๆในประเทศฝรั่งเศสที่ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารในแอฟริกา แต่พวกเขาไม่รู้วิธีการที่จะเผยแพร่มันสู่ชาวบ้าน มันกลายเป็นแค่เพียงสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในกระดาษ เขาจึงเป็นคนที่ทำมันให้ใช้งานได้ ด้วยการพยายามประยุกต์มันเข้ากับการสร้างอาคาร แล้วตอนนี้ชาวบ้านต่างก็เริ่มลอกเลียนแบบวิธีการที่ว่ามา แหมมันช่างสุดยอดไปเลย
เรื่องเทคนิคการก่อสร้าง:ที่บูร์กิฟาโซ สามารถหาวัสดุประเภทเหล็กและเส้นเหล็กได้ทั่วไป พวกคอนกรีตก็มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับวัสดุประเภทไม้ แถมที่แอฟริกายังมีปัญหาพวกมด ปลวกอีก นั่นก็คือเหตุผลที่เขาเลือกใช้วัสดุประเภทเหล็กเส้น มันแข็งแรง และชาวบ้านก็เคยชินกับพวกงานเชื่อมอยู่แล้ว เหล็กและโลหะหาได้ง่าย ในท้องตลาด และมีการนำมาประยุกต์ใช้ในวิธีการที่ต่างออกไป เพื่อป้องกันบ้านจากฝนและความร้อนเข้าสู่อาคาร
เงินแหล่งลุงทุนสนับสนุนโครงการ: เมื่อมีผู้สนับสนุนรายใหญ่ อะไรๆมันก็ง่ายขึ้น แต่คุณก็จะทำงานไม่ได้อย่างอิสระเป็นเงาตามตัวไปด้วย Francis Kere มีปรัชญาว่า คือ “เมื่อคุณไม่ออกแรงพยายามจะทำอะไรๆมันเลย ..ก็ไม่มีทางสำเร็จหรอก” นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า Francis Kere ไม่ค่อยสนใจว่าจะต้องมีคนมาช่วยหรือเห็นด้วย เขาจะพยายามทำมันด้วยตนเองมากกว่า
ความยั่งยืนในประเทศยุโรปและแอฟริกา: ทุกวันนี้แอฟริกาต้องการสถาปนิกและวัสดุท้องถิ่นที่ผลิตโดยชาวบ้าน เมื่อก่อนมีปัญหาเรื่องที่คนภายนอกมักจะนำสิ่งต่างๆมาให้ เสร็จแล้วก็จากไป มันกลายเป็นเรื่องแย่ เราต้องการเพียงมันสมองและองค์ความรู้เพื่อนำพาทุกสิ่งทุกอย่างก้าวไปข้างหน้า ทุกวันนี้สังคมในแอฟริกากำลังเปลี่ยน เราใช้วัสดุในท้องถิ่นกันมากขึ้น ทำงานร่วมกันและสอนชาวบ้าน ทำให้เขาเหล่านั้นพึ่งพาตนเองได้ภายหลัง นี่คือการสร้างงานสถาปัตยกรรมในทวีปแอฟริกา นี่คือความยั่งยืน
แต่สำหรับยุโรปมันคงไม่มีความจำเป็น พวกเขามีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว ขณะนี้หลายๆคนคิดกันเรื่องพลังงาน เรื่องการป้องกันความร้อน ทำอย่างไรเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายของอาคาร พวกเขาเลยสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมา อย่างการผลิตกระจกที่มีความเป็นฉนวนที่ดีขึ้นกว่าเดิม Francis Kere ดูว่ามันเหมือนของปลอม ขณะที่คนอื่นบอกว่ามันเป็นความยั่งยืน….
” ไม่มีจริงหรอก “..เขากล่าว มันเป็นเพียงแฟชั่น ผิวเผิน ในประเทศตะวันตก มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในแอฟริกา คุณสร้างให้ชาวบ้านเกิดความเข้มแข็ง เพราะพวกเขาไม่มีอะไรเลย พวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
“สถาปัตยกรรม” สำหรับ Francis Kere คืออะไร? : Francis Kere ตอบว่า ” สถาปัตยกรรม คือความจำเป็นในการมอบที่อยู่อาศัยให้กับผู้คน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรูปทรง และเสริมสร้างคน มันเป็นเรื่องเครื่องมือที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตคน มันสัมพันธ์กับลูกค้า เรื่องการใช้วัสดุ เทคโนโลยี และองค์ความรู้แบบประเพณีนิยมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อม สร้างอาคาร”
Francis Kere ได้ฝากข้อคิดถึงบรรดาสถาปนิกรุ่นใหม่ ดังนี้: อย่างแรกคือคุณต้องศึกษาให้จบจากรั้วมหาลัย แต่คุณต้องใช้ความพยายามมากๆน่ะ ในการต่อสู้และทำในสิ่งที่คุณต้องการ เปิดใจของคุณมองหาสิ่งใหม่ๆในงานด้านสถาปัตยกรรม ถ้าคุณจำกัดตัวเอง จะไม่มีทางเจอกับสิ่งใหม่ๆ คุณควรสนใจกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว และมองหาว่าจะสามารถทำอะไรให้มันดีขึ้นได้บ้าง พยายามเอาเทคนิคที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ อย่าปิดตัวเอง การมองแต่สถาปนิกทีมีชื่อเสียง คุณไม่มีทางเป็นอย่างเขาได้หรอก เปิดใจคุณแล้วมองไปที่วัฒนธรรมของชาติอื่นๆ นี่คือสิ่งที่ Francis Kere พยายามอยากจะฝากถึงสถาปนิกรุ่นใหม่ สนุกกับการสร้างสรรค์งานด้านสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมคือความปรารถนา”
ปัจจุบัน Francis Kéré มีบริษัทเป็นของตัวเอง มีผลงานส่วนใหญ่อยู่ในอาฟริกา อินเดีย เยเมน และ ยุโรป นอกจากนั้น Kéré เป็นอาจารย์ที่ Technische Universität Berlin ด้วย ในปี 2004 Kéré ได้รับรางวัล Aga Khan Award for Architecture จากผลงานการออกแบบโรงเรียนประถม ศึกษาในหมู่บ้าน Gando ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Kéré เอง
ขอบคุณข้อมูลและเนื้อหาดีๆจาก Art4D Magazine ดูผลงานของ Francis Kere เพิ่มเติมได้ที่ http://www.kere-architecture.com/ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก http://www.bsi-swissarchitecturalaward.ch/en/vincitore_0910.html