อุปกรณ์ Smart Home เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมและปรับแต่งความเย็น แสง เสียง และการใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่านโปรแกรมหรือแอพพลิเคชันบนมือถือ โดยสามารถควบคุมผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ประสิทธิภาพมากขึ้น และความสะดวกสบายในการใช้งาน เพื่อให้บ้านของคุณเป็นบ้านแบบ smart home
Smart Home กำลังกลายเป็นอนาคตของบ้านยุคใหม่ เทรนด์ของที่อยู่อาศัยกำลังผันไปทางนี้ เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้าอย่างเช่น Google ก็ลงทุนไปกับเรื่อง Smart Home ไปหลายล้านล้านบาทแล้ว แต่วันนี้เราจะไม่ได้พูดถึง Google เพียงอย่างเดียว เรายังพูดถึงบริษัทผู้ผลิต Internet of Things ต่างๆ ที่เป็นอุปกรณ์เฉพาะใช้งานกับบ้าน ที่คัดมาแล้วว่า โดดเด่น ยอดนิยมระดับโลก ลองไปดูกันเลยว่า มีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. Amazon Echo เลขาใหญ่ในบ้าน Smart Home
Amazon Echo สามารถพูดคุยและสั่งงานด้วยเสียงของคุณ ด้วยความที่มันสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home ต่างๆ ได้เลยทำให้มันสามารถรับคำสั่งไปควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ ที่พูดไม่ได้อีกทีหนึ่ง ไม่ว่าจะเปิดปิดไฟ กล้องวงจรปิด รดน้ำต้นไม้ รับโทรศัพท์ เปลี่ยนเพลง เปิดหนัง สั่งพิซซ่า สอนการบ้านเด็ก
ที่สำคัญประโยชน์จากการเชื่อมต่อ internet ตลอดเวลา ทำให้คุณยิ่งใช้งาน Amazon Echo มากเท่าไหร่ เจ้านี่มันก็จะยิ่งฉลาดขึ้น จดจำโทนเสียงคุณได้มากขึ้นจากการประมวลผล online และยังมีอีกนานาประโยชน์ที่ควรยกให้ Amazon Echo มาติดอันดับของ Internet of Things ประจำ Smart Home มีข้อเสียอย่างเดียวที่รุนแรงสำหรับคนไทย คือ ตอนนี้นางยังพูดและฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องนะครับ (อนาคตไม่แน่)
คู่แข่ง Amazon Echo ที่กำลังมา คือ Google Home
2. Belkin WeMo เปิดปิดปลั้กไหนสบายมาก
ปลั้กไฟตัวนี้จะเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคเดิมที่ยังไม่ smart ให้กลายเป็นฉลาดขึ้นอีกนิดได้ด้วยฟังก์ชันควบคุมการจ่ายไฟ และตรวจสอบไฟฟ้าที่ใช้งาน สามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้ และยังแปรผันตามกฏหลายรูปแบบเมื่อเชื่อมต่อกับ IFTTT เช่น เมื่อคุณใกล้จะถึงบ้าน Smartphone ของคุณจะส่งข้อมูลไปบอก Belkin Wemo ให้ปลั้กนี้จ่ายไฟให้อุปกรณ์ที่คุณต้องการไว้ก่อนได้เลย
เพียงเท่านี้ก็สามารถประยุกต์ไปใช้กับ Smart Home ได้อีกหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเปิดประตู อุ่นกับข้าว การใช้งานก็แสนง่าย แค่นำตัวมันไปเสียบปลั้ก เจ้า Belkin Wimo ก็จะเชื่อมต่อข้อมูลขึ้น internet ผ่าน Wi-Fi ให้คุณควบคุมผ่าน Smartphone ทันที
ดู Smart Plug แบบอื่นๆ ที่มีขายในไทย
3. Rachio หุ่นยนต์คนสวน
จะเรียกว่า Smart Home หรือ Smart Garden ดี? เพราะ Rachio คือ ตัวคอนโทรลสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้ที่ฉลาดสุดๆ เคลมว่าช่วยประหยัดน้ำมากขึ้นถึง 50% เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ควบคุมการรดน้ำต้นไม้ แต่ละแปลงแต่ละสนามของบ้านให้ได้รับความชื้นแตกต่างกันในปริมาณที่พอเหมาะ รู้สภาพอากาศวันไหนฝนตกก็หยุดรด ต้นไม้ได้แต่ละประเภท ดินแต่ละแบบที่ต่างกัน แสงวันนี้มากแค่ไหน ก็รดน้ำให้ในขนาดที่พอดีกับพันธุ์พืชนั้นที่สุด แถมยังตรวจสอบความชื้นสวน พร้อมสั่งการได้จาก Smartphone ที่ไหนในโลกก็ได้ หรือจะแค่สั่งการด้วยเสียงจาก Amazon Echo เครื่องด้านบนก็ยังได้
ดูอุปกรณ์รดน้ำอัตโนมัติอื่นๆ ในไทย
4. Nest Learning Thermostat ปรับแอร์รู้ใจคน
บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์เพียงแค่ 2 ชิ้น กลับถูกเข้าซื้อด้วยยักษ์ใหญ่อย่าง Google ด้วยราคาถึง 1 แสนล้านบาท เพื่อไปเสริมทัพโครงการบ้านอัจฉริยะ Smart Home ของ Google เพราะเจ้า Nest นี่มันเป็นอุปกรณ์คอนโทรลอุณหภูมิในบ้านระดับปัญญาประดิษฐ์เลยทีเดียว ที่มีชื่อว่า Learning Thermostat ก็เพราะมันไม่ได้เพียงรับคำสั่งจากเรา หรือสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนเท่านั้น
แต่เจ้า Nest นี่ยังเรียนรู้ลักษณะการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้านรวมถึงกิจกรรม เพื่อที่สามารถจะจัดการกับอุณหภูมิในบ้านให้สบายตัวโดยที่เราไม่ต้องไปคอยปรับแอร์ หรือยุ่งกับมันอีก เป็น Smart Home Gadget ระดับปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ จากการเรียนรู้ ซึ่งเขาเคลมกันไว้ว่าความสามารถนี้นอกจากสบายตัวแล้ว ยังทำให้ประหยัดค่าไฟได้ถึง 36% เลยทีเดียว
5. Nest Cam กล้องตรวจจับมนุษย์ได้
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ Nest คือกล้องวงจรปิด (ภาษาไทยเรียกว่าแบบนั้น) ที่จริงมันอาจจะไม่วงจรปิดเหมือนชื่อ เพราะมันเป็นกล้องรักษาความปลอดภัยที่ใช้ระบบ cloud ทำงานเพื่อส่งภาพไปให้มือถือเจ้าของเครื่อง สามารถดูย้อนหลังได้ และสามารถสนทนา 2 ทางด้วยเสียงได้ แต่แค่นั้นกล้องธรรมดาก็ทำได้ แต่..
ข้อดีกล้อง Smart Home ของ Nest Cam คือ มันมีอัลกอรึทึมวิเคราะห์ว่า สิ่งที่เคลื่อนไหวใช่มนุษย์หรือไม่ (ฟีเจอร์นี้ต้องจ่ายรายเดือนด้วย) แปลว่าเมื่อมี notification ขึ้นมาที่มือถือเจ้าของเครื่อง จะได้รู้ว่าเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่รถผ่าน หรือสุนัขในบ้าน รวมถึงเมื่อดูย้อนหลังในระบบ cloud ย้อนหลังได้ตั้ง 30 วัน และยังแจ้งอีกว่าตรงไหนของ timeline คือจุดสำคัญที่ควรตรวจสอบ โดยไม่ต้องมาเลื่อนดูทั้งหมดให้เสียเวลาและมึนหัว
ดูกล้องวงจรปิด ที่เป็น Home WIFI Camera แบบอื่นๆ
6. Philips Hue หลอดไฟ IoT ยอดนิยม
Philips Hue เป็น Smart Home / Internet of Things ออกมาตั้งแต่แรกๆ สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้จากที่ไหนในโลกก็ตาม เป็นประโยชน์สำหรับคนไม่อยู่บ้าน สามารถปรับแสงได้เป็นหมื่นเฉดสีสำหรับผ่อนคลาย อ่านหนังสือ โฟกัส หรือให้รู้สึกมีพลังสดชื่น อีกเมื่อเชื่อมกับ IFTTT สามารถประยุกต์ไปทำอะไรพิลึกๆ ได้เช่น ให้กระพริบไฟเมื่อมีอีเมลเข้า หรือเปิดไฟ เมื่อขับรถมาใกล้บ้านแล้วก็ตาม
ที่สำคัญ Philips ทำมาในราคาที่ไม่แพงมาก และยังประหยัดไฟเพราะเป็น LED แล้วเมื่อหรี่ไฟก็ประหยัดเข้าไปอีก พอมันไม่แพงก็มีคนเล่นเยอะ ออกคำสั่งเชื่อมต่อมาให้เล่นต่ออีกเพียบ
7. BeON หลอดไฟเพื่อความปลอดภัย
BeON เป็นแพงกว่าหลอดไฟ Philips ข้างบนอยู่พอตัว แต่หลอดนี้พิเศษกว่าตรงออกแบบมาเพื่อรักษาความปลอดภัยโดยสิ่งที่มันทำได้ คือ “ช่วยหลอกโจรว่ามีคนอยู่บ้าน” ด้วยการจดจำรูปแบบการเปิดปิดไฟของคุณในชีวิตประจำวัน และทำแบบนั้นอีกรอบเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน พอโจรมาก็คิดว่ามีคนอยู่ แต่อาจจะลองกดกริ่งหน้าบ้านดูก่อน
ซึ่งเจ้าหลอด Smart Home ชุดนี้ จะค่อยๆเปิดจากห้องนอนลงมาเรื่อยๆ ราวกับว่าคนอยู่แน่ๆ มิหนำซ้ำยังสามารถจดจำเสียงสัญญานเครื่องตรวจควันได้ และเปิดไฟสว่างทุกดวงเมื่อมีสัญญานควันเพราะอาจเกิดเหตุไฟไหม้ แถมท้ายด้วยฟังก์ชันแบตเตอรี่เมื่อเกิดปัญหาไฟดับ หลอดนี้ยังคงสว่างอยู่ได้นานถึง 5 ชั่วโมง เอ้อ ติดก็ดีนะ
8. August ล็อกประตูสุดฉลาด
ระบบล็อกประตูบ้าน Smart Home ตัวนี้ ไม่เพียงสามารถเปิดล็อกประตูได้จากแอพบนสมาร์ทโฟน แต่ยังสามารถแชร์สิทธิในการเข้าบ้านให้เพื่อนที่เราต้องการได้ และยังคุยโต้ตอบด้วยเสียงกับคนกดกริ่งไปที่มือถือผ่านทางกล้องหน้าประตู
ถ้าใครไม่อยากไม่ใช้มือถือก็มีกุญแจรีโมตให้เช่นกัน ส่วนในกรณีทำกุญแจหายยังสามารถกดรหัสของแต่ละคนที่แตกต่างกันได้ แม้จะฉลาดและสะดวกขนาดนี้ แต่ใน YouTube ก็มีช่างกุญแจโชว์ว่ายังสามารถแงะได้อยู่นะ ซึ่งคงต้องรอทีมงานพัฒนากันต่อไป แต่เรื่องความสะดวกนี่กินขาดเลย
อุปกรณ์ล็อกบ้านที่เป็น Smart Home แบบอื่นๆ
9. Kuna Toucan กล้องนอกบ้านติดต้ังง่าย
กล้องหน้าบ้านที่จัดว่าออกแบบดีที่สุดตัวหนึ่ง จุดที่โดดเด่นที่สุดคือการติดตั้งที่ง่ายสุดยอด! ความคิดการเปลี่ยนขั้วหลอดไฟเดิมมาเป็นที่จ่ายไฟให้กล้องด้วย USB มันช่างน่าปรบมือ ทำให้คุณไม่ต้องเดินสายไฟใหม่ให้กับกล้อง outdoor Smart Home ให้ยุ่งยาก เสียบกับหลอดไฟหน้าบ้านดวงเดิมได้เลย
ความสามารถที่เหลือก็เดาไม่ยาก คือ บันทึกภาพระดับ 720p มีการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาที่หน้าบ้าน (แต่ไม่มีอัลกอรึทึมแยกมนุษย์เหมือน Nest Cam นะ) ส่งเสียงร้องดัง 100 เดซิเบลเมื่อเจอบุคคลไม่ปราถนา พุดคุยได้สองทาง สามารถดูย้อนหลังบน cloud ได้ 2 ชั่วโมง อย่างว่าเลย ไอเดียเด็ดอยู่ที่การจ่ายไฟด้วย USB นี่หละ
10. Project Nursery ดูแลลูกน้อยด้วยพ่อแม่ไฮเทค
ระบบกล้องช่วยมอนิเตอร์เลี้ยงเด็กทารก ที่ Smart Home ประยุกต์การนำกล้อง Webcam มาเข้ากับความต้องของการพ่อแม่ได้อย่างลงตัวมาก เพราะจุดแข็งอยู่ที่ Mini Monitor เจ้าจอขนาดเล็กที่สวมใส่ข้อมือพ่อแม่เป็นเหมือนนาฬิกาได้ ช่วยให้พ่อแม่สามารถทำงานอย่างอื่นไปและก็ได้คอยเฝ้าดูลูกไปพร้อมๆ กันผ่านทางระบบ Wi-Fi
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีระบบเตือนตอนนอนเมื่อมีเสียง หรือพบการเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ พร้อมแจ้งเตือนเมื่อพบว่าอุณหภูมิในห้องเลี้ยงเด็กสูงขึ้น ส่วนแบตเตอรี่ก็ไม่ต้องห่วง เค้าออกแบบมาให้ยาวนาน ช่างเข้าใจพ่อแม่เด็กจริงๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับจองได้แล้วเรียบร้อย
บ้าน Smart Home ในไทยเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่นานมานี้ผู้พัฒนาอสังหาชื่อดังของเมืองไทย ได้นำแนวคิด Internet of Things นี้ไปประยุกต์ใช้กับที่อยู่อาศัย โดยใช้ชื่อโครงการว่า “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย – รามอินทรา” จาก เอพีไทยแลนด์
จากแนวคิด Smart Home / Internet of Thing สู่การเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยบนการใช้ชิวิตดิจิทัลด้วยโครงการ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย – รามอินทรา ที่พักอาศัยรูปแบบ Super Luxury Villa 3 ชั้น ภายใต้นวัตกรรมการออกแบบ Multiverse Layouts 5 ดีไซน์ การสร้างมิติให้กับพื้นที่ใช้สอยและการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ 3 ชั้นอย่างไร้รอยต่อ ตอบความต้องการของการใช้ชีวิตที่หลากหลาย นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยวางระบบการใช้ชีวิตในบ้าน เพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในทุกด้าน และมีการแชร์เกิดประสบการณ์ร่วมด้วย digital community เพื่อรองรับชีวิตที่ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของบ้านได้ออกแบบตามแนวคิด Smart Home ในการวางระบบสมองกลอัจฉริยะควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในบ้านให้สามารถสื่อสารและประมวลผลร่วมกันได้ ช่วยให้การใช้ชีวิต สะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ระบบการจอดรถ ที่เมื่อคุณขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ไฟจะเปิดขึ้นเอง แบบอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องจอดรถ แล้วลงมาเปิดเอง
และถ้าใครอยากรู้ว่า “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย – รามอินทรา” สามารถทำอะไรได้อีกบ้าง รวมถึงรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติม สามารถไปหาคำตอบที่ https://goo.gl/S26hlD และ www.facebook.com/APthai เร็วนี้ๆ โครงการกำลังจะมีการเปิด Pre-Sale อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 19-20 พ.ย. 59 นี้
