วันนี้iUrban ยังคงเกาะติดอยู่กับสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมซึ่งยังคงทวีความรุนแรงอยู่ในวันนี้ จากที่ได้ดูข่าวและอ่านข่าวเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอยู่นั้นเพื่อนๆอาจจะเคยได้ยินคำพูดของนักข่าวที่เล่าถึงการทำแก้มลิงในจังหวัดที่อยู่ติดกับกรุงเทพมหานครเพื่อรองรับน้ำและป้องกันเมืองหลวงจากน้ำที่ไหลบ่ากันมา ดั่งเช่นชาวอำเภอองค์รักษ์ที่ยอมเสียสละเป็นแก้มลิงรับน้ำเพื่อป้องกันเมืองหลวงเอาไว้ วันนี้ iUrban เลยนำความรู้เกี่ยวกับการทำแก้มลิงในครั้งนี้มาให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน หลายๆคนอาจจะทราบหรือไม่ทราบว่าโครงการแก้มลิงนั้นเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อเหนือหัวของเรา ที่ทรงประทานวิธีแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปี 2538 พระราชดำรัสไว้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2538
“…ตามปกติ เวลาเราให้กล้วยกับลิง ลิงจะเคี้ยวแล้วเก็บไว้ในแก้มลิง… เขาเคี้ยวแล้วเอาไปเก็บในแก้ม น้ำท่วมลงมา ถ้าไม่ทำ “โครงการแก้มลิง” น้ำท่วมนี้จะเปรอะไปหมด อย่างที่เปรอะปีนี้ เปรอะไปทั่วภาคกลาง จะต้องทำ “แก้มลิง” เพื่อที่จะเอาน้ำปีนี้ไปเก็บไว้…”
ซึ่งแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯในครั้งนั้น คือ
ประการแรก สร้างคันกั้นน้ำโดยปรับปรุงแนวถนนเดิม
ประการที่ 2 จัดให้มีพื้นที่สีเขียว (Green Belt) ตามพระราชดำริเพื่อกันการขยายตัวของเมืองและเพื่อแปรสภาพให้เป็นทางระบายน้ำ เมื่อมีน้ำหลาก
ประการที่ 3 ดำเนินการขุดลอกคลอง ขยายคลองที่มีอยู่เดิมและขุดใหม่นอกแนวคันกั้นน้ำ
ประการที่ 4 สร้างสถานที่เก็บน้ำตามจุดต่าง ๆ
ประการที่ 5 ขยายช่องทางรับน้ำที่ผ่านทางรถไฟและทางหลวง
ซึ่งว่าง่ายๆให้เพื่อนๆเข้าใจวิธีการมากขึ้นสำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมก็คือ
1. ทำนการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบนให้ไหลลงคลองพักน้ำขนาดใหญ่ืที่บริเวณชายทะเล
2. เมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำกว่าระดับน้ำในคลองจึงทำการระบายน้ำจากคลองดังกล่าว
โดยใช้หลักทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ
3. สูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่ “แก้มลิง” นี้ เพื่อทำให้น้ำตอนบนค่อยๆ
ไหลมาเองตลอดเวลา ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมพื้นที่ลดน้อยลง
4. เมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในลำคลอง ให้ทำการปิดประตูระบายน้ำ
โดยยึดหลักน้ำไหลลงทางเดียว (One Way Flow)
ทางเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้จะผ่านพ้นไปในเร็ววันและก็ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆที่ประสบภัย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามคนไทยจะไม่ทิ้งกันค่ะ อย่าลืมนะคะดั่งที่เค้าว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ…
ที่มา: http://www.sci.nu.ac.th