“ครั้งหนึ่งเมื่อย้ายบ้านใหม่ ผมพบว่าปัญหาในการซื้อเครื่องเรือนเข้าบ้านคือหาซื้อสินค้าเรียบง่ายไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยที่มีศูนย์การค้าและร้านขายเฟอร์นิเจอร์เกลื่อนเมือง ไม่มีโซฟาแบบเรียบๆ ที่ไม่มีลวดลาย การหาซื้อโต๊ะอาหารแบบเรียบง่ายไม่มีลูกเล่นใดๆ เป็นสิ่งที่ยากเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ เดินหารอบเมืองจนรองเท้าสึก ไม่พบพานเลย เครื่องเรือนแทบทั้งหมดในโชว์รูมใส่รายละเอียดมากมาย ทั้งส่วนโค้งส่วนเว้า ทั้งสลักลาย ใช้วัสดุมากชนิดในงานชิ้นเดียว นัยว่าทำให้คนซื้อรู้สึกว่าคุ้มค่า จนเมื่อเดินเข้าร้านเครื่องเรือนนำเข้าจากยุโรป จึงพบสินค้าเรียบง่ายดังใจ แต่ราคาโต๊ะตัวละสองแสนบาท โซฟาชุดละสี่แสนบาททำให้ต้องรีบเดินทางหนีจากความเรียบง่ายอย่างรวดเร็ว ผมเรียนการออกแบบมาหลายสายทาง และทุกสายสอนตรงกันว่า งานที่ดีที่สุดคืองานที่เรียบง่ายที่สุด และงานที่เรียบง่ายที่สุดออกแบบยากที่สุด ปรัชญานี้ตรงกับศิลปะแทบทุกแขนง ในทางวรรณกรรม งานเขียนที่รกรุงรังยากที่จะเป็นงานเขียนที่ดี เรื่องสั้นที่มีมากฉากมักไปไม่รอด นวนิยายที่มีตัวละครเยอะเกินจำเป็นมักน่าเบื่อ ในทางสถาปัตยกรรม บ้านที่ใส่องค์ประกอบทุกอย่างทุกสไตล์ (ที่เจ้าของบ้านชอบ) เข้าไปในหลังเดียวมักออกมาเละ ในวงการแฟชั่น เสื้อผ้าของนักออกแบบที่ดีมักเรียบง่าย โดยเน้นที่องค์ประกอบที่ลงตัวทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้น รูปทรง สัดส่วนจังหวะ ในวงการดนตรี เพลงที่ใช้โน้ตไม่กี่ตัว ก็สามารถสร้างความไพเราะจับใจได้
ศิลปะเป็นเรื่องของการผสมผสานให้ลงตัว ไม่มีอะไรอื่น สัดส่วนที่ลงตัว สีที่ลงตัว ผิวที่เหมาะสม
งานเขียนที่ดีคืองานเขียนที่มีองค์ประกอบน่าสนใจและผสมผสานได้ลงตัว เช่นเดียวกับอาหาร ดนตรี จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพยนตร์ ไปจนถึงชีวิตรัก
ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ งานที่เรียบง่ายมักมีอายุขัยยาวนานกว่า ไม่ว่าวงจรแฟชั่นหมุนเวียนเปลี่ยนไปกี่รอบ ไม่ช้าหรือเร็ว เราก็มักหวนกลับไปหางานเรียบง่ายเสมอ ที่เราชอบเรียกกันว่า ‘Back to basic’
มาถึง พ.ศ. นี้ หาสินค้าที่เรียบง่ายยากขึ้นทุกวัน สไตล์การใช้ชีวิตก็พลอยซับซ้อนขึ้นไปโดยปริยาย
โทรศัพท์มือถือมีฟังก์ชันการใช้งานมากจนไม่น่าเชื่อว่าจุทุกอย่างในเครื่อง เล็กนิดเดียวได้อย่างไร กล้องถ่ายรูป วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า เครื่องไมโครเวฟ ไปจนถึงนาฬิกาข้อมือ ล้วนสามารถตั้งโปรแกรมนับร้อย จนสงสัยว่า ในโลกนี้จะมีใครสักกี่คนที่ต้องใช้ฟังก์ชันทั้งหมดเหล่านั้น
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเรายุ่งขึ้น ก็เพราะคำว่า การตลาด การแข่งขันในทางธุรกิจทำให้สินค้าที่ผลิตมาสู้กับคู่แข่งต้องมีลูกเล่นมาก ขึ้น
แน่ละ มันทำให้เทคโนโลยีพัฒนาไปข้างหน้า แต่มันก็ทำให้ชีวิตเราซับซ้อนขึ้น
ฟังเพลงจากวิทยุไม่ไพเราะเท่าฟังจากแท่ง ไอ-พ็อด ถ่ายรูปจากกล้องถ่ายรูปไม่เท่เท่าถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
เราควรแยกแยะให้ออกว่า อะไรในชีวิตเป็นอุปสงค์แท้ อะไรเป็นอุปสงค์เทียม
บ่อยครั้งเราพบว่ากำลังสร้างความต้องการเก๊ๆ ขึ้นมา โดยที่ชีวิตไม่จำเป็นต้องการใช้มันเลย ยกตัวอย่างเช่น ตั้งแต่โลกเรามีโทรศัพท์มือถือ ผู้คนทั้งโลกพูดมากขึ้น ไม่มีเรื่องพูด ก็พยายามหาเรื่องพูด กรรมกรก่อสร้างที่มาทำงานให้ผมทำงานไปพูดโทรศัพท์มือถือไป เช่นเดียวกับคนขับแท็กซี่ และคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างในซอย
ลองปิดโทรศัพท์มือถือของคุณทิ้งสักวัน จะพบว่าเรามีเวลามากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ชีวิตก็ดูจะเรียบง่ายมากขึ้นทันตาเห็น ชีวิตที่ดีก็เช่นงานศิลปะที่ดี มีองค์ประกอบน้อยที่สุด และมีความเรียบง่ายเป็นหัวใจ
ใช่ สิ่งที่เรียบง่ายมักมีอายุขัยยาวนานกว่า ไม่ว่าวงจรชีวิตหมุนเวียนเปลี่ยนไปกี่รอบ ไม่ช้าหรือเร็ว เราก็มักหวนกลับไปหาความเรียบง่ายเสมอ
บทความโดย……วินทร์ เลียววาริณ
จากบทความข้างต้นทำให้ได้แง่คิดของความเรียบง่ายในการดำรงชีวิตว่าไหมค่ะ? และขอโอกาสนี้ ที่ทางเว็บ iUrban อยากที่จะนำเสนอผลงานของคุณนายพันธ์เดช บุตรเขียว (Pandet Bootkyo) นักออกแบบที่จบจากมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งถือเป็นอีกคนที่ทำงานโดยหยิบยกประเด็นเรื่องของ “ความเรียบง่าย” มาใช้ในการออกแบบสินค้า อย่างครั้งนี้คุณโทนได้ออกแบบนาฬิกาแขวนผนังสไตล์เรียบง่ายออกมาให้เราได้ใช้และสัมผัส และ กลับไปสู่ความเรียบง่าย หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “Back to Basic”
concept : night and dayแรงบันดาลใจมาจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายหลังความวุ่นวาย แสดงออกผ่านงาน design ที่เรียบและ simple มากที่สุดทุกวันนี้สังคมเมืองและคนทำงานส่วนใหญ่ต่างก็แสวงหาความสุขความสบายโดยคิดว่าเราต้องทำงานให้หนักกอบโกยให้มากๆเราถึงจะสบายแต่..ในมุมมองของผม ความสุขสบายที่แท้จริงนั้นไม่ได้ยากเลยมันอยู่ใกล้เราแค่นิดเดียว ความเรียบง่าย ที่ผมหมายถึงไม่ว่าเวลาไหน กลางวันหรือกลางคืน เราก็มีชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุขได้
สนใจสั่งสินค้า หรือเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ http://www.mini-animal.com/ หรืออีเมลสอบถามได้ที่ [email protected] Mobile: 080 909 1442