พอดีผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนประเทศสิงค์โปร์ และได้มีโอกาสไปเยี่ยมเขื่อน Marina Barrage และเล็งเห็นว่ามเป็นเรื่องน่าสนใจที่นำมาแชร์กัน งานนี้มีนักเขียนรับเชิญอาสาเขียนเนื้อหาให้อ่านกัน
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะของสิงคโปร์ที่มีพื้นที่เพียง 710 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตเพียงเล็กน้อย แต่มีประชากรอาศัยอยู่รวมกันกว่า 5 ล้านคน ทำให้สิงคโปร์มีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรด้านต่างๆ รวมถึงน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคและบริโภค
กว่า 20 ปีที่แล้วด้วยวิสัยทัศน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ที่ได้ให้แนวคิดที่ต้องการแก้ปัญหาน้ำท่วมบริเวณที่ราบต่ำกลางเมือง ที่เป็นปัญหาซ้ำซาก รวมถึงการเตรียมจัดหาแหล่งน้ำสะอาดสำรองไว้สำหรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกปีทำให้เกิดเป็น เขื่อนมาริน่า( Marina Barrage ) ที่มีความกว้าง 350 ม.กั้นคลองมาริน่า ที่สามารถช่วยขยายพื้นที่รองรับน้ำฝนเป็น 60 % ของเกาะสิงคโปร์ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำสะอาดจากประเทศเพื่อนบ้าน และยังเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วมในย่านธุรกิจที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานานหลายสิบปี ด้วยระบบประตูระบายน้ำที่จะเปิดประตูระบายน้ำเมื่อระดับน้ำทะเลภายนอกต่ำกว่าระดับน้ำภายในคลองส่งน้ำ แต่หากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงกว่าระดับน้ำในคลองแล้วระบบการระบายน้ำทิ้งลงทะเลจะใช้ปั้มน้ำสูบน้ำออกแทนการเปิดประตูระบายน้ำ นอกจากนี้เขื่อนมาริน่ายังได้เตรียมพื้นที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนเมืองด้วยสนามหญ้าขนาดเต็มพื้นที่ชั้นดาดฟ้าอาคาร( Green Roof )
นอกจากนี้ภายในอาคารหลักก็ยังสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิดอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น การทำดาดฟ้าอาคารให้เป็นสนามหญ้าเพื่อลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคาร การใช้ผนังกระจกสองชั้น แผงโซล่าเซลล์ เป็นต้น ภายในยังมีนิทรรศการ Sustainable Singapore ที่นำเสนอความเป็นมาของโครงการพร้อมกับการสร้างจิตสำนึกถึงการอนุรักษ์แหล่งน้ำที่หายากขึ้นเรื่อยๆ
หากท่านใดสนใจเดินทางไปชมโครงการดีๆแบบนี้ที่สิงคโปร์สามารถใช้บริการ MRT ลงสถานี Marina Bay แล้วรอรถรับส่งของโครงการที่มีบริการฟรีทั้งวัน
ขอบคุณนักเขียนรับเชิญคุณปัญจพัชรสำหรับเนื้อหา www.kannchana.com หรือติดต่อ : [email protected]